Newsข่าวนโยบายและการพัฒนาชู “Medical Hub” จูงใจนักท่องเที่ยวเข้าไทย ลุย “Health For Wealth” ใช้สุขภาพสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ

ชู “Medical Hub” จูงใจนักท่องเที่ยวเข้าไทย ลุย “Health For Wealth” ใช้สุขภาพสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ

 

“อนุทิน” ปลื้มต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 10 ล้านคน ชี้ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตหลังพ้นวิกฤต “โควิด” ลุย Health For Wealth ใช้สุขภาพสร้างความเข้มแข็งประเทศ ชู “Medical Hub” ช่วยจูงใจนักท่องเที่ยวเข้าไทย พบนิยม “นวด-สปา” สูงถึง 48% 


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคนที่ 10 ล้านของปี 2565 เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น จากช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 ที่มีการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ และมีมาตรการคัดกรองผู้เดินทางเข้มงวดเพื่อควบคุมโรค ทำให้ผู้เดินทางเข้าประเทศลดลงอย่างมาก 

 

แต่เมื่อไทยควบคุมโรคได้และลดระดับความรุนแรงเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง จึงมีการเปิดประเทศ ทยอยผ่อนคลายมาตรการและความเข้มงวดในการเดินทางเข้าประเทศตามลำดับ จนปัจจุบันสามารถเดินทางได้ตามปกติ ทำให้เห็นว่าเมื่อผ่านพ้นสถานการณ์โควิด 19 แล้ว ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

หลังสถานการณ์โรคโควิด 19 คลี่คลายลง ได้ใช้แนวคิด Health for Wealth เป็นนโยบายการดำเนินงานของ สธ. คือ ใช้สุขภาพสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ หนึ่งในนั้นคือนโยบาย Medical Hub ให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางการแพทย์ครบวงจรและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งปี 2564 Medical Tourism Association จัดอันดับให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยติดอันดับ 5 ของโลก 

 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยได้รับการยอมรับ คือ 1.แพทย์ไทยมีศักยภาพและมีชื่อเสียงในหลากหลายสาขาเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ 2.ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพและมาตรฐานการรักษาระดับสากล 3.ค่ารักษาพยาบาลสมเหตุสมผล 4.ค่าครองชีพไม่สูงมาก เหมาะแก่การพำนักรักษาตัวและพักฟื้นร่างกายในระยะยาว 5.ภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ขยายเวลาพำนักในไทยกรณีเข้ามารักษาพยาบาล การเพิ่มประเภทวีซ่ารักษาพยาบาล (Medical Visa) Non-MT ชนิดใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (Multiple Entry) คราวละไม่เกิน 1 ปี (อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด) และ 6.มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ Wellness ทั้งการนวดไทย สปา ผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ เป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่มีส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศไทยมากขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง

 

ด้าน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ปี 2563 และ 2564 ที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับ สบส. สำรวจข้อมูลจากสถานพยาบาล 30 แห่ง พบว่า ปี 2564 รายรับค่ารักษาพยาบาลจากชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเพื่อรักษาพยาบาลประมาณ 11,903 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2563 ประมาณ 47% ประเทศที่เข้ามารักษาพยาบาลมากที่สุด 5 อันดับ คือ คูเวต กัมพูชา เมียนมา ญี่ปุ่น และจีน 

 

ส่วน 5 อันดับกลุ่มโรคที่ผู้ป่วยเข้ามารักษามากสุด ได้แก่ ตรวจสุขภาพ กระดูกและข้อ ระบบหัวใจและหลอดเลือด เมตาบอลิก และทันตกรรม ตามลำดับ ส่วนกลุ่มโรคที่สร้างรายได้มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ หัวใจและหลอดเลือด เมตาบอลิก มะเร็ง กระดูกและข้อ และระบบประสาทวิทยา 


ทั้งนี้ หลังสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลาย ไทยผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่ ก.ค. 2565 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำรวจข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก.ค. – ส.ค. พบว่า กิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ รับประทานอาหารไทย 90.57% นวดและสปา 48.23% กิจกรรมชายทะเล 48.12% และท่องเที่ยวสถานที่ทางประวัติศาสตร์ 46.22% ส่วนการท่องเที่ยวพร้อมตรวจสุขภาพอยู่ลำดับที่ 16 มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 35,074 บาท/คน/ทริป

“ที่ผ่านมา สธ.สร้างระบบให้เอื้อต่อชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวระยะยาวและรักษาพยาบาลในไทยร่วมกับภาคีเครือข่ายในการขยายระบบวีซ่าพิเศษ เช่น ขยายระยะเวลาพำนักในไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (non-immigrant) รหัส O-A (Long Stay) เพิ่มกลุ่มประเทศเป้าหมายยกเว้นตรวจลงตราเพื่อรักษาพยาบาล 90 วัน สำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตามรวมไม่เกิน 4 ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น มีนโยบาย Long Stay Visa รหัส Non-O-X ระยะ 10 ปี ได้แก่ เกาหลี เบลเยียม ออสเตรีย และนิวซีแลนด์ และการขยายเวลาพำนักในประเทศไทยรวม 90 วัน ในกรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล สำหรับกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV) และจีน” นพ.สุระกล่าว

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า