Newsอัตราเงินเฟ้อไทย ต่ำเป็นอันดับ 6 ของโลก และ 2 ของเอเชีย พาณิชย์ปรับเป้าเงินเฟ้อลดลงจากเดือนเมษา ไตรมาส 3 ยังลดลง ตามราคาอาหารที่ถูกลง

อัตราเงินเฟ้อไทย ต่ำเป็นอันดับ 6 ของโลก และ 2 ของเอเชีย พาณิชย์ปรับเป้าเงินเฟ้อลดลงจากเดือนเมษา ไตรมาส 3 ยังลดลง ตามราคาอาหารที่ถูกลง

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec

ในขณะที่ทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูงนั้น ประเทศไทยของเรากลับเป็นประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนพฤษภาคม 66 ที่ระดับ 0.55% YoY ต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย เป็นรองเพียงสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งมีอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 0.20% YoY และเป็นอันดับที่ 3 ของโลก

 

โดยในเดือนมิถุนายน 66 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีดัชนีราคาผู้บริโภค 107.83 ซึ่งเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 65 ซึ่งเท่ากับ 107.58 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยอยู่ที่ระดับ 0.23% YoY ชะลอตัวต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน ตามการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าในหมวดอาหาร โดยเฉพาะในกลุ่มเนื้อสัตว์ เครื่องประกอบอาหาร อีกทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยก็ลดลงอย่างชัดเจน

 

ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเป้าลงเหลือประมาณ 1% – 2% โดยมีค่ากลางที่ 1.5% จากเดิมที่อยู่ระหว่าง 1.7% – 2.7% โดยมีค่ากลาง 2.2% ในเดือนเมษายน 66 และหากสถานการณ์ เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง

 

สำหรับอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 3 (ก.ค. -ก.ย.) มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากกรอบราคาพลังงานอยู่ในช่วงขาลง ราคาอาหารบางชนิดโดยเฉพาะเนื้อสัตว์มีแนวโน้มถูกลงตามจำนวนผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ฐานราคาในปีก่อนอยู่ในระดับที่สูง จึงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 3 น่าจะลดลง

 

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนมิถุนายน 66 ปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 56.1 จากระดับ 56.6 ในเดือนก่อนหน้า และยังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สะท้อนจากภาคการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น และมาตรการ

ภาครัฐที่ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับลดค่าไฟฟ้า และการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 

 

อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าและบริการ ที่อยู่ระดับสูง และช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนและการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน และการลงทุนในภาครัฐชะลอตัว รวมทั้ง ภาระหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยทอนให้ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมปรับลดลง

 

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครายภูมิภาค

– กรุงเทพและปริมณฑล ที่ 56.6
– ภาคกลางและภาคตะวันออก ที่ 56.6

– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ 57.7

– ภาคเหนือ ที่ 54.3
– ภาคใต้ ที่ 53.2

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคแบ่งตามอาชีพ
– พนักงานของรัฐ ที่ 59.6

– เกษตรกร ที่ 56.5
– ผู้ประกอบการ ที่ 57.3
– พนักงานเอกชน ที่ 54.4

– รับจ้างอิสระ ที่ 54.5

– นักศึกษา ที่ 56.8

– ไม่ได้ทำงาน ที่ 55.0

mattis, pulvinar dapibus leo.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า