
ครม. อนุมัติเพิ่มเที่ยวบินไทย-ซาอุ ทั้งเที่ยวบินโดยสาร-ขนส่งสินค้า-เช่าเหมาลำ กระตุ้นการค้าและการบริการระหว่าง 2 ประเทศให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ
ครม. อนุมัติเพิ่มเที่ยวบินไทย-ซาอุดีอาระเบีย สามารถขนส่งผู้โดยสารได้ฝ่ายละไม่เกิน 42 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เที่ยวบินขนส่งสินค้าไม่จำกัดจำนวนเที่ยว
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับเห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย (เนื้อหาเหมือนกับบันทึกความเข้าใจฯ) และมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลบังคับของบันทึกความเข้าใจฯ ต่อไป
สำหรับบันทึกความเข้าใจฯ นี้เกิดขึ้นหลังจากคณะผู้แทนไทยและซาอุดีอาระเบีย ได้มีการประชุมเจราจาเพื่อปรับปรุงสิทธิการบินระหว่างกัน เมื่อเดือน ส.ค. 65 ที่ผ่านมา ต่อมาคณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศ ได้มีมติรับทราบผลการเจรจาดังกล่าว โดยบันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลบังคับใช้เมื่อ 2 ฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตระหว่างกันแล้ว
โดยบันทึกความเข้าใจฯ และหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต มีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นพิกัดเส้นทางการบินระหว่าง 2 ฝ่าย จากแบบกำหนดจุดเป็นพิกัดเส้นทางบินแบบเปิด, ความจุ ความถี่ กำหนดเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสาร จากเดิมฝ่ายละ 9 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เฉพาะเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสาร เป็นฝ่ายละไม่เกิน 42 เที่ยวบิน/สัปดาห์ สำหรับเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารและไม่จำกัดจำนวนเที่ยวสำหรับเที่ยวบินขนส่งสินค้า, การทำการบินเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ซึ่งสายการบินของทั้งสองฝ่ายจะทำการขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่เดินอากาศ โดยต้องไม่กระทบต่อการทำการบินแบบประจำ
นอกจากนี้ บันทึกความเข้าใจฯ ยังครอบคลุมถึงกรณีทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน (Code-Sharing) โดยสายการบินที่ทั้ง 2 ฝ่ายกำหนดจะมีสิทธิทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับสายการบินของประเทศคู่ภาคีทั้งเส้นทางระหว่างประเทศและเส้นทางภายในประเทศ รวมถึงสามารถใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับสายการบินประเทศเดียวกันและร่วมกันกับสายการบินของประเทศที่สาม, การใช้อากาศยานเช่า โดยสายการบินของแต่ละฝ่ายอาจเช่าอากาศยาน [หรืออากาศยานพร้อมลูกเรือ (wet lease)] จากบริษัทหรือสายการบินใด ๆ เพื่อทำการบินได้, การกำหนดสายการบินที่ทั้งสองฝ่ายสามารถแต่งตั้งสายการบินที่กำหนดได้หลายสาย
ทั้งนี้ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการเจรจาเพื่อปรับปรุงสิทธิการบินระหว่าง 2 ประเทศ จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้การบินของสายการบินทั้ง 2 ฝ่ายมีความคล่องตัว เพิ่มความยืดหยุ่นในการวางแผนการตลาดให้การบริการเกิดความคุ้มทุนมากขึ้น ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกแก่ผู้โดยสารด้วย นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจการขนส่งสินค้า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การค้าและการบริการระหว่าง 2 ประเทศให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ และยังเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งระดับรัฐบาลและระดับธุรกิจของ 2 ประเทศด้วย
สัญญาณความพร้อมของตลาดไทยต่อ EV กับสถิติยอดจดทะเบียนรถ EV ที่มากเป็นประวัติการณ์
ไทยซัมมิทพร้อม รองรับการเข้ามาของ EV จีน ‘ชนาพรรณ’ ชี้ผู้ผลิตในไทยมีเวลา 4-8 ปีในการปรับตัว
‘บางจาก’ รีแบรนด์ใหม่ ปรับวิสัยทัศน์สู่การสร้างนวัตกรรมสีเขียว พร้อมลุยตลาดพลังงานไฟฟ้า-ไบโอเบส
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม