
เตือน สินค้าไทย 7 กลุ่ม น้ำมันปาล์ม, ปศุสัตว์, ถั่วเหลือง, กาแฟ, โกโก้, ไม้ และ ยางพารา เสี่ยงโดน อียู แบนนำเข้ากลางปีนี้ หากเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่า
หอการค้าไทย เตือน สินค้าไทย 7 กลุ่ม เสี่ยงโดน อียู แบนนำเข้ากลางปีนี้ หากพบเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่า
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เผยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อียู) ได้บรรลุข้อตกลงในการมีกฎหมายห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อมาจำหน่ายในสหภาพยุโรป
โดยเบื้องต้น คาดว่าจะกระทบต่อสินค้าส่งออกไทย 7 รายการ คือ น้ำมันปาล์ม, ปศุสัตว์, ถั่วเหลือง, กาแฟ, โกโก้, ไม้ และ ยางพารา ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ที่ดินขนาดใหญ่ในการประกอบกิจการ ซึ่งอียูไม่ต้องการให้มีการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำพื้นที่มาใช้ในการทำอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปและรัฐสภายุโรปเต็มคณะก่อนบังคับใช้ ซึ่งคาดว่าจะมีผลใช้บังคับใช้ประมาณเดือน มิ.ย. 2566 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลกระทบ หลังสหภาพยุโรปผ่านกฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าที่ทำลายป่าแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากกฎหมายมีผลใช้บังคับ ในช่วง 18 เดือนแรก คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปจะจัดให้ทุกประเทศคู่ค้าอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงในการผลิตสินค้าที่อาจเชื่อมโยงกับการทำลายป่า โดยเตรียมทำการประเมินและจัดกลุ่มประเทศคู่ค้าเป็น 3 กลุ่ม คือ ระดับความเสี่ยงสูง กลาง และต่ำ ซึ่งจะส่งผลในทางปฏิบัติต่อผู้นำเข้าในช่วงต่อไป
อียูจะตรวจสอบอย่างเข้มงวดกับประเทศที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มระดับความเสี่ยงสูง โดยจะกำหนดให้ผู้นำเข้าจะต้องจัดทำข้อมูล และแสดงหลักฐานเอกสารยืนยันว่า สินค้าไม่ได้ผลิตบนที่ดินที่มีการทำลายป่า กฎหมายดังกล่าวอาจจะกระทบต่อสินค้าจากประเทศไทยที่ส่งออกไปยังประเทศในสหภาพยุโรปด้วย
เนื่องจากผลของกฎหมายจะบังคับให้ผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าจากทั่วโลกไปขายในยุโรป จะต้องจัดทำรายงานการตรวจสอบสถานะของผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาขายว่าตลอดห่วงโซ่การผลิตนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า โดยหลังจากกฎหมายมีผลใช้บังคับ 2 ปี จะมีการทบทวนขอบเขตของสินค้า และคำนิยามของการตัดไม้ทำลายป่าและการทำให้ป่าเสื่อมโทรมเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการฐานสากล
สินค้าส่งออกไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการออกกฎหมายดังกล่าวคือยางพาราและผลิตภัณฑ์ ซึ่งในปี 2564 มีมูลค่าส่งออกไปอียูมากถึง 1,693.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 8% ของการส่งออกไทยไปโลก, ไม้ มูลค่า 22.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นสัดส่วน 9% ของการส่งออกไทยไปโลก,
เฟอร์นิเจอร์มูลค่า 19.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นสัดส่วน 5% ของการส่งออกไทยไปโลก รวมไปถึงส่วนสินค้ากลุ่มอื่นๆ ได้แก่ วัวและผลิตภัณฑ์ ถั่วเหลือง โกโก้ และน้ำมันปาล์ม โดยไทยส่งออกไปอียูน้อย มีสัดส่วนต่ำกว่า 1% ของการส่งออกไปโลก
#TheStructureNews
#อียู #สินค้าไทย
เปลี่ยนขยะพลาสติดเป็นเสื้อกีฬาบริจาคเด็กไทย ‘GC’ x ‘CP AXTRA’ ตั้งจุดรับขวดพลาสติกใช้แล้วที่แม็คโคร-โลตัส นำกลับมาเปลี่ยนเป็นเสื้อกีฬา มอบให้เยาวชนทั่วไทย
เริ่ม 1 เม.ย. 66 นี้ เจอแน่ ไม่จ่ายค่าปรับ-ใบสั่ง ไม่ได้ป้ายภาษี
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม