“คนไม่ได้เที่ยวอุทยานไม่ตาย แต่สัตว์ที่อยู่ในอุทยาน อาจตายจนถึงสูญพันธุ์ได้ ถ้านโยบายผู้มีอำนาจไม่เหมาะสม”
หนูนา-กัญจนา ศิลปอาชา อดีต รมช.ศึกษาธิการ และอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นผู้ที่บริจาคเพื่อช่วยเหลือโครงการช้างไทยมาอย่างยาวนาน โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงสถานการณ์ของช้างไทยเพศผู้ว่ามีความน่าเป็นห่วง
เนื่องจากปางช้างในประเทศไทยส่วนใหญ่มักจะรับเลี้ยงแต่ช้างเพศเมีย เพราะคิดว่าช้างเพศผู้นั้นเลี้ยงยาก และมีช้างตกมัน อีกทั้งยังมีบางองค์กรร่วมมือกับต่างชาติ สร้างกระแสต่อต้านไม่ให้นักท่องเที่ยวมาปางที่มีช้างเพศผู้ทำงาน ต่อต้านการผสมพันธุ์ในช้าง และขังเดี่ยวช้างเพศผู้ ซึ่งบางรายคิดถึงขั้นจะให้มีการทำหมันช้างเพศผู้
“หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้.. อนาคตช้างเพศผู้จะเป็นอย่างไร..เขาจะไปยืนอยู่ตรงจุดไหนบนโลกใบนี้…งานที่มีสำหรับช้างผู้ก็จะเป็นการลากซุง หรืองานแห่ ซึ่งงานแห่ก็มีไม่มาก” หนูนาระบุ และระบุว่า “เป็นไปได้ว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า เราอาจจะไม่เหลือช้างบ้านเลย เพราะไม่มีช้างเพศผู้ให้ผสมพันธุ์” หนูนาระบุ
และเรียกร้องให้สังคมตระหนักถึงปัญหาของช้างเพศผู้ เพราะเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของทุก ๆ ภาคส่วน “เบื้องต้น ก็ช่วยกันรักช้างเพศผู้ให้มากๆด้วยนะคะ..เขาไม่ผิดเลยที่เกิดมาเป็นช้างผู้…ให้พวกเขาได้มีโอกาสทำงาน (ที่ไม่ใช่แค่ลากซุง…ย้ำนะคะ ลากซุงได้เฉพาะอายุ 25-50 เท่านั้น)…และให้เขามีที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้ด้วยค่ะ”
และโพสต์เกี่ยวกับปัญหาของช้างป่าไทยโดยมีข้อความว่า
“ใดๆ..คืออุทยานคือพื้นที่ป่า ที่เป็นบ้านของสัตว์ป่าทั้งหลาย …
เป็นที่หากิน อาศัยหลับนอน สืบต่อเผ่าพันธุ์ของเขา… เป็นทุกอย่างของพวกเขา….
นโยบายใดๆของอุทยาน ต้องยึดเอาเจ้าของบ้านคือสัตว์ป่าเป็นหลัก ไม่ใช่เอาคนเป็นหลัก …
คนนั้นมีที่อยู่ ที่เที่ยวให้เลือกได้..
แต่สัตว์ป่าได้แต่อยู่ป่า สัตว์ป่าอยู่เมืองไม่ได้ …
โลกใบนี้ทุกเผ่าพันธุ์มีสิทธิ์อาศัยอยู่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่คนเท่านั้น …
แต่คน…เป็นพันธุ์ที่เอาเปรียบสัตว์อื่นมากที่สุด …
คนไม่ได้เที่ยวอุทยานไม่ตาย…แต่สัตว์ที่อยู่ในอุทยาน อาจตายจนถึงสูญพันธุ์ได้ ถ้านโยบายผู้มีอำนาจไม่เหมาะสม…”