เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะใช้อำนาจที่ไม่มีไม่ได้ ‘อ.อานนท์’ ถอดบทเรียนจากกรณี ‘ศ.วิรงรอง’ แพ้คดีที่ ‘True’ ฟ้องร้อง ถูกสั่งจำคุก 2 ปี

สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษาในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เป็นโจทก์ฟ้องร้องศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ 

ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากการที่ ศ.ดร. พิรงรอง ออกใบเตือนให้ บจก. ทรูฯ ทั้ง ๆ ที่บริษัท ทรู ฯ ไม่ได้อยู่ในการกำกับของ กสทช. และการออกอากาศผ่านแพลตฟอร์ม True ID ของบริษัท ทรูฯ ก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจของ กสทช. โดยศาลตัดสินให้ ศ. พิรงรองต้องโทษจำคุก 2 ปี

ผศ. ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์แคปชั่นข้อความจากเนื้อข่าวซึ่งมีข้อความว่า

“ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการออกอากาศบนแพลต์ฟอร์ม True ID เป็นการออกอากาศผ่าน  OTT (การบริการเนื้อหาวิดีโอโดยการสตรีมผ่านอินเทอร์เน็ต) นั้น ยังไม่มีข้อกฎหมายที่ต้องขออนุญาตจาก กสทช. และการกระทำของจำเลยที่มีการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ กสทช. ออกหนังสือเป็นการและมีการแสดงคำพูดในทำนองว่าตลบหลัง และการล้มยักษ์นั้น

ทำให้มีหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ได้รับความเสียหาย การต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานน้ำหนักให้หักล้างพยานโจทก์ได้”

และโพสต์ข้อความประกอบโพสต์ว่า

“ไม่มีอำนาจ ทำหน้าที่ไม่ได้ ไปใช้อำนาจที่ตนไม่มีตามกฎหมาย เท่ากับไปรังแก กลั่นแกล้งเขา

เราต้องดูบทบาทตัวเราว่าเราสวมบทบาทอะไร ถ้าเป็น NGO คุ้มครองผู้บริโภค ทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ย่อมทำได้ และควรทำ ต้องทำครับ

แต่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐใช้อำนาจที่ไม่มี ทำหน้าที่นี้ไม่ได้ จะกลายเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ให้กำลังใจศาลนะครับ

ให้กำลังใจอาจารย์ขวัญเช่นกัน แต่ต้องระวังเรื่อง role conflict มาก

โดยส่วนตัวผม ชอบเป็นประชาชนธรรมดา ต่อสู้อยู่ข้างถนน มากกว่าจะไปมีตำแหน่งทางการเมือง ถืออำนาจรัฐ พอเป็นเจ้าพนักงานของรัฐแล้ว กลับทำอะไรไม่ได้เต็มที่ครับ”

“การเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องไม่ใช้อำนาจหน้าที่ที่ไม่มีนะครับ 

ต่อให้เป็นการทำสิ่งที่ถูกต้อง ปกป้องประเทศชาติและประชาชน ก็ทำไม่ได้ เพราะตัวเอง ไม่มีอำนาจหน้าที่

เช่น ควบคุมกำกับกิจการบางอย่างไม่ได้ เพราะยังไม่ได้สถาปนาอำนาจให้ตนเอง โดยการออกประกาศ แต่ไปกำกับควบคุม เท่ากับกลั่นแกล้งเขา แบบนี้ทำไม่ได้ 

ทำโดยถูกมโนสำนึกอย่างเดียวไม่พอ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องทำตามอำนาจหน้าที่ ที่มีเท่านั้น

ที่กฎหมายยึดหลักเช่นนี้ เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ลุแก่อำนาจ ไปใช้อำนาจที่ตนเองไม่มี ทำให้สังคมเกิดความอยุติธรรม เกิดการรังแก กลั่นแกล้งกัน

เราต้องแยกบทบาทระหว่างการเป็นประชาชนที่ปกป้องประโยชน์สาธารณะ คือเป็นคนดีนั่นแหละ กับการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำตามอำนาจและหน้าที่ได้เท่านั้น ถ้ายังไม่มีอำนาจหน้าที่ทำอะไรไม่ได้ครับ ก็ต้องหากลยุทธ์หรือกุศโลบายอื่น ๆ ที่นุ่มนวลแต่ได้ผล แยบยล

คนที่รักความถูกต้องจริง ๆ อย่าไปเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง มีอำนาจรัฐเลยครับ ไม่เหมาะหรอก ทำหน้าที่ของประชาชนดีกว่าครับ ทำได้ตามมโนสำนึก สบายใจกว่า มีเสรีภาพมากกว่าครับ

ให้กำลัง อ พิรงรองครับ

แต่หลักกฎหมายก็ต้องเป็นหลักกฎหมายครับ”

“ปํญหาใหญ่จริง ๆ คือกฎหมายดิจิทัลมันช้ากว่าเทคโนโลยี เลยมีสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่มีกฎหมายรองรับให้อำนาจหน้าที่ ส่วนตัวสนับสนุน อ. พิรงรองครับ

แต่เข้าใจสิ่งที่ศาลตัดสิน ว่าเป็นไปตามหลักกฎหมาย”

“ทำความดีโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ไม่ได้ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งเป็น regulator ยิ่งต้องพึงระวัง 

ถ้าอยากจะล้มยักษ์มาเป็น NGO หรือนักวิชาการจะดีกว่าสะดวกกว่า

เป็นผมจะลาออกจากการเป็นกรรมการ กสทช. จะได้ต่อสู้เป็นอิสระตามที่มโนสำนึกสั่งได้อย่างเสรี 

ให้กำลังใจ อ.ขวัญ

ให้กำลังใจศาล

เคารพหลักกฎหมายครับ”