ฐานเสียงย้ายข้าง โดยผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตในรัฐเท็กซัสบางส่วนหันไปหาทรัมป์ หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตผู้อพยพเข้าเมือง
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดประเด็น เรื่องฐานเสียงพรรคเดโมแครตที่หันกลับมาสนับสนุนพรรครีพลับริกันแทน เนื่องจากทนไม่ไหวกับนโยบายเปิดรับผู้อพยพของพรรคเดโมแครค ซึ่งกำลังสร้างปัญหาให้สังคมอเมริกันเป็นอย่างมาก และอาจส่งต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึง
อาซาเลีย กาซาเรส ผู้ประเมินภาษีประจำมณฑล Maverick วัย 52 ปี ซึ่งกำลังลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นสมัยหน้า แม้ว่าเธอจะเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตที่ลงคะแนนให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในปี 2020 เช่นเดียวกับหลายๆ คนในมณฑล Maverick ใกล้ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก (ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพรรคเดโมแครตที่หาได้ยากในรัฐเท็กซัส ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นพรรครีพับลิกัน)
แต่เธอรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวเลขผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองที่สูงลิ่ว ซึ่งได้สร้างความตึงเครียดให้กับบ้านเกิดของเธอที่เมืองอีเกิลพาส รัฐเท็กซัส ซึ่งตั้งอยู่ข้างแม่น้ำริโอแกรนด์
โดยเธอกล่าวว่า แม้ว่าเธอจะเห็นใจผู้อพยพ แต่เธอกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและครอบครัวผู้อพยพ โดยอ้างถึงอันตรายของการข้ามแม่น้ำริโอแกรนด์
ซึ่งเธอคิดว่านโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพที่เข้มงวดมากกว่าของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน จะช่วยลดตัวเลขผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ พร้อมกับระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะลงคะแนนให้ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. นี้
“ระหว่างไบเดนกับทรัมป์ มันค่อนข้างจะตัดสินใจยากเพราะฉันเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต แต่ฉันไม่ชอบสิ่งที่เราเป็นอยู่ ฉันไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นตามขอบชายแดนของเรา… ฉันคงจะเลือกทรัมป์”
ขณะที่ โอลก้า รามอส กรรมาธิการเทศมณฑล Maverick วัย 56 ปี ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตอีกคน ซึ่งกำลังลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นสมัยหน้า กล่าวว่า เธอยังไม่รู้ว่าเธอจะเลือก ไบเดน หรือ ทรัมป์ แต่นโยบายผู้อพยพเป็นประเด็นสำคัญสำหรับเธอ
เธอกล่าวต่อไปว่า ชาวบ้านมาบ่นกับเธอว่าผู้อพยพไปที่ระเบียงบ้านของพวกเขาเพื่อชาร์จโทรศัพท์ และเปิดประตูฟาร์มปศุสัตว์ให้สัตว์หนี
“เราจัดการกับเรื่องนี้มา 2 ปีแล้ว เราเหนื่อยแล้ว… ฉันได้รับข้อร้องเรียนจากบรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ฉันพยายามขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีการตอบสนองใดๆ… ” รามอส กล่าว พร้อมเสริมว่า ยังไม่ชัดเจนว่าความไม่พอใจเกี่ยวกับวิกฤตผู้อพยพจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ ในอีเกิลพาสและพื้นที่โดยรอบหรือไม่
ทรัมป์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกัน ตั้งเป้าจะจัดการกับวิกฤตผู้อพยพระหว่างการเยือนอีเกิลพาส เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ก.พ.) โดยเขาได้ให้คำมั่นระหว่างการหาเสียงว่า หากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย แผนจัดการกับผู้อพยพเข้าเมืองในรอบนี้ จะเข้มงวดกว่าแผนตอนเมื่อครั้งที่เขาเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก
พร้อมกับระบุว่า เขาจะดำเนินนโยบายอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาต่อไป เช่น การสร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก และโครงการ “รอในเม็กซิโก” (remain in Mexico program) ซึ่งกำหนดให้ผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวเม็กซิกันที่ต้องการขอลี้ภัยต้องรออยู่ในเม็กซิโกจนกว่าศาลสหรัฐฯ จะอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยให้