สิงคโปร์ทุ่ม 40 ล้านSGD เร่งพัฒนานวัตกรรมอาหาร ‘พาณิชย์’ ชี้ตลาดอาหารจากพืชมีอัตราการเติบโตสูงปีละ 10.5% ปี 67 มีมูลค่า กว่า 8 แสนล้าน แนะไทยเร่งพัฒนาแข่งขันกับสิงคโปร์
กรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) รายงานว่า รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศมอบเงินสนับสนุนจำนวนประมาณ 40 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (ราว ๆ 1 พันล้านบาท) ให้แก่ 12 โครงการ ที่ผ่านการคัดเลือกภายใต้โครงการ Seed, Research Translation และ Future Foods
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนวิจัยและพัฒนาภายใต้โครงการ Singapore Food Story (SFS) โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมในสี่ด้านสำคัญ ได้แก่
1) การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
2) เกษตรกรรมในเมือง
3) อาหารเพื่ออนาคต (Future Foods) และ
4) ความปลอดภัยของอาหาร
โดยโครงการที่ได้รับทุนมีเป้าหมายในการพัฒนาเครื่องมือทางพันธุกรรมสำหรับผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพเหนือกว่าทางพันธุกรรม เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีจัดการโรคในเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และลดต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าในการผลิต
อีกทั้งก่อนหน้านี้ รัฐบาลสิงคโปร์ กล่าวว่าจะสนับสนุนทุนให้กับนักวิจัยและผู้ผลิตในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกให้มีรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส ใกล้เคียงหรือเหมือนกับเนื้อสัตว์จริง รวมถึงคงไว้ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการที่เทียบเท่าหรือดีกว่าโปรตีนทั่วไป โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการยอมรับของผู้บริโภคมากขึ้น
โดยเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมอาหารเพื่ออนาคตนั้นมีศักยภาพในการเติบโตและการพัฒนาได้อีก แต่เพื่อจะรองรับการผลิตอาหารเพื่ออนาคตในต้นทุนต่ำและในปริมาณมากนั้น จำเป็นต้องพัฒนาวิธีการเพื่อปรับปรุงความน่ารับประทานและเพิ่มการยอมรับของผู้บริโภค
อีกทั้งยังระบุว่าสิงคโปร์นั้นพึ่งพาการนำเข้าอาหารถึง 90% มีความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของอุปทานอาหารทั่วโลก การพัฒนาความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยให้สิงคโปร์สร้างระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นมากขึ้น
ทุนสนับสนุนอาหารแห่งอนาคตที่เริ่มขึ้นในปี 2566 มุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิตของผู้ผลิตอาหารภายในประเทศให้เหนือกว่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถทำได้ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการผลิตโปรตีนทางเลือก
สคต. ให้ข้อเสนอแนะว่า ระหว่างปี 2562-2567 ตลาดอาหารจากพืช (Plant-Based Food) ทั่วโลกมีอัตราเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้น (CAGR) ร้อยละ 10.5 และคาดการณ์ว่าภายในปี 2567 มูลค่าตลาดจะสูงถึงประมาณ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 8.6 แสนล้านบาท)
สิงคโปร์ถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชีวภาพและนวัตกรรมอาหาร โดยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งภาครัฐและบริษัทต่างชาติ การสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนานี้ช่วยเสริมศักยภาพของสิงคโปร์ให้ตอบสนองความต้องการในตลาดอาหารแห่งอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเทศไทยมีจุดแข็งในอุตสาหกรรมอาหารและการแปรรูปอาหาร โดยเป็นประเทศผู้ผลิตและมีวัตถุดิบในประเทศที่หลากหลาย แต่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหารจากพืชของไทยยังจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาในหลายด้าน
เช่น การผลิตและแปรรูป การตลาด การวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรมฐานข้อมูล การลงทุน และการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อเพิ่มความสามารถทางการค้า สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร และยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารจากพืชระดับโลก
หากประเทศไทยได้รับการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอาหารแห่งอนาคตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งการนำเทคโนโลยีไปใช้ในเชิงพาณิชย์ จะช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารในระดับภูมิภาค พร้อมทั้งสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการส่งออกที่ยั่งยืน