
กฎใหม่สายการบิน เรื่องการพกพาแบตเตอรี่สำรอง มาดูกันว่าแต่ละสายการบินเริ่มบังคับใช้นโยบายนี้วันที่เท่าไร
สายการบินหลายแห่งได้ปรับปรุงแนวทางการพกพาแบตเตอรี่ลิเธียมบนเครื่องบิน หลังพบว่าแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ เช่น โทรศัพท์มือถือและบุหรี่ไฟฟ้า อาจเกิดความเสียหายจนส่งผลให้เกิดควัน ไฟไหม้ หรือความร้อนสูง
ทั้งนี้ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) รายงานว่า ในปี 2024 มีเหตุการณ์แบตเตอรี่ลิเธียมร้อนเกินบนเครื่องบินทั่วโลกเฉลี่ย 3 ครั้งในทุกสองสัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่เฉลี่ยไม่ถึงหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์
โดยล่าสุดสายการบินในเอเชีย ก็ได้ทยอยประกาศนโยบาย “ห้ามใช้/ห้ามชาร์จระหว่างเที่ยวบิน” และ “ห้ามเก็บพาวเวอร์แบงค์ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะระหว่างเที่ยวบิน” โดยผู้โดยสารสามารถเก็บแบตเตอรี่พกพาทุกชนิดไว้ในกระเป๋าสัมภาระพกพาที่วางใต้ที่นั่ง หรือในช่องเก็บของหน้าที่นั่งแทน
1) สายการบินทั้งหมดในเกาหลีใต้
เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เครื่องบินสายการบิน Air Busan เกิดไฟไหม้ขณะเตรียมออกเดินทางจากเกาหลีใต้ โดยกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ว่า พาวเวอร์แบงค์ อาจเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ แม้ว่าผลสืบสวนจะยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด
Air Busan เป็นสายการบินแรกที่เปลี่ยนนโยบาย ประกาศห้ามนำพาวเวอร์แบงค์ไปไว้ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ โดยระบุว่าผู้โดยสารควรพกพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไว้เพื่อให้ตรวจพบปัญหาได้ง่ายขึ้น
เกาหลีใต้ได้ออกกฎระเบียบใหม่ที่เข้มงวดสำหรับสายการบินทุกแห่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ซึ่งรวมถึงการเก็บพาวเวอร์แบงค์และบุหรี่ไฟฟ้าไว้กับผู้โดยสารเท่านั้น และห้ามชาร์จอุปกรณ์บนเครื่องบิน
2) CHINA AIRLINES ของไต้หวัน ห้ามผู้โดยสารชาร์จหรือใช้งานพาวเวอร์แบงค์ รวมถึงแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองระหว่างเที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. พร้อมทั้งแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเก็บพาวเวอร์แบงค์ ไว้ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ
3) BATIK AIR ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสายการบิน Lion Air ห้ามผู้โดยสารใช้งานพาวเวอร์แบงค์บนเที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. โดยอนุญาตให้พกพาวเวอร์แบงค์ได้ไม่เกิน 2 ก้อน และต้องเก็บไว้กับตัวผู้โดยสารเท่านั้น ห้ามเก็บไว้ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ สายการบินยังแนะนำให้ผู้โดยสารระมัดระวังเมื่อพกแบตเตอรี่สำรองที่มีระบบชาร์จแบบแม่เหล็กอัตโนมัติ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มเติม
4) THAI AIRWAYS การบินไทยห้ามใช้และชาร์จพาวเวอร์แบงค์รวมถึงแบตเตอรี่พกพาในระหว่างเที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค
5) AIR ASTANA ของคาซัคสถาน ประกาศกฎใหม่ ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. ห้ามผู้โดยสารชาร์จหรือใช้งานพาวเวอร์แบงค์ระหว่างเที่ยวบิน พร้อมกำหนดให้แบตเตอรี่ลิเธียม แบตเตอรี่สำรอง และบุหรี่ไฟฟ้าต้องเก็บไว้ในสัมภาระพกพา และวางไว้บนชั้นวางสัมภาระ
6) EVA AIR ของไต้หวัน ห้ามชาร์จและใช้พาวเวอร์แบงค์ รวมถึงแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองบนเที่ยวบินตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ทั้งนี้ สายการบินแจ้งว่า ที่นั่งส่วนใหญ่บนเครื่องบินมีช่องต่อ USB ให้ผู้โดยสารใช้ชาร์จอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ตามความสะดวก
7) MALAYSIA AVIATION GROUP (MAG) บริษัทแม่ของสายการบิน Malaysia Airlines ประกาศห้ามเก็บพาวเวอร์แบงค์ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะระหว่างเที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. โดยผู้โดยสารสามารถเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระพกพาที่วางใต้ที่นั่ง หรือในช่องเก็บของหน้าที่นั่งแทน สำหรับแบตเตอรี่สำรองชนิดแม่เหล็กไร้สาย กำหนดให้ต้องเก็บในกระเป๋าแยกต่างหาก และห้ามใช้งานหรือชาร์จแบตเตอรี่สำรองทุกชนิดระหว่างเที่ยวบิน
8) สายการบินทั้งหมดในฮ่องกง หน่วยงานกำกับดูแลการบินของฮ่องกงออกข้อกำหนดใหม่สำหรับสายการบินในประเทศ ห้ามผู้โดยสารใช้หรือชาร์จพาวเวอร์แบงค์บนเที่ยวบิน และไม่อนุญาตให้เก็บพาวเวอร์แบงค์ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ เริ่ม 7 เม.ย. นี้
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา เที่ยวบินของสายการบิน Hong Kong Airlines ที่ออกเดินทางจากจีนต้องเปลี่ยนเส้นทาง เนื่องจากเกิดไฟไหม้ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ
สำนักงานการบินแห่งชาติ (CAD) ฮ่องกง กล่าวเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ว่า “รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยล่าสุด ที่คาดว่าเกิดจากผู้โดยสารพกพาและใช้พาวเวอร์แบงค์แบตเตอรี่ลิเธียมบนเครื่องบิน”
สายการบิน Cathay Pacific ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮ่องกง ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎระเบียบใหม่ พร้อมเสริมว่าสายการบินตระหนักถึงความสำคัญของการปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัยในการบินอย่างต่อเนื่อง
9) Singapore Airlines รวมถึงสายการบินต้นทุนต่ำอย่าง Scoot ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไปจะไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารใช้งานหรือชาร์จพาวเวอร์แบงค์บนเที่ยวบิน
ที่มา: รอยเตอร์