
ASEAN กำลังมาแรง หลังเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จ่อแตะระดับ 2.18 แสนล้านดอลลาร์ภายในปีนี้ จากทั้งท่องเที่ยว ค้าออนไลน์ และเดลิเวอรี่
รายงาน e-Conomy SEA ประจำปี 2023 ฉบับล่าสุดของ Google, Temasek และ Bain & Company ที่เจาะลึกถึงแนวโน้มและข้อมูลเชิงลึกในภาคธุรกิจต่าง ๆ ได้แก่ อีคอมเมิร์ซ การท่องเที่ยวออนไลน์ การขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์ สื่อออนไลน์ และบริการด้านการเงินดิจิทัล ระบุว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะแตะระดับ 2.18 แสนล้านดอลลาร์ (7.89 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 11% จากปีที่แล้ว แม้เผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกก็ตาม
“ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวอันน่าทึ่ง เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก… ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2023 หลังจากที่ปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023” รายงานระบุ
รายงานยังระบุด้วยว่า รายรับของธุรกิจดิจิทัลคาดว่าจะแตะระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ (3.62 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ ซึ่งเติบโตเร็วกว่ามูลค่าสินค้ารวม (Gross Merchandise Volume : GMV) ถึง 1.7 เท่า เนื่องจากบริษัทต่างๆ ได้เปลี่ยนจากการมุ่งเน้นไปที่การเติบโต เป็นการมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการทำกำไรแทน
“การมุ่งเน้นไปที่ช่องว่างทางดิจิทัลและการขจัดอุปสรรคอย่างเด็ดเดี่ยว เพื่อให้ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ภูมิภาคปลดล็อกการเติบโตต่อไปในทศวรรษดิจิทัล” Sapna Chadha รองประธานของ Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวในรายงาน
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซกำลังเปลี่ยนจากการหาผู้ใช้รายใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ไปสู่การมีส่วนร่วมกับลูกค้าปัจจุบันมากขึ้น การเพิ่มขนาดธุรกรรม รวมถึงการมองหาแหล่งรายได้ เช่น การโฆษณาและบริการจัดส่งเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว โดยมูลค่าธุรกรรมรวมของภาคส่วนนี้คาดว่าจะแตะระดับ 1.86 แสนล้านดอลลาร์ (6.73 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 1.39 แสนล้านดอลลาร์ (5.03 ล้านล้านบาท) ในปี 2023
ในขณะที่ผู้บริโภคที่ใช้บริการทางการเงินแค่ผิวเผิน (Underbanked) ที่มีบัญชีกับสถาบันการเงิน แต่เข้าไม่ถึงผลิตภัณฑ์อื่นและไม่ได้เก็บออมในระยะยาวและธุรกิจขนาดเล็กมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัล ความต้องการของผู้บริโภคได้ขับเคลื่อนตลาดสินเชื่อดิจิทัล ซึ่งคิดเป็นส่วนใหญ่ของรายได้กว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.08 ล้านล้านบาท) ในภาคบริการด้านการเงินดิจิทัล (Digital Financial Services: DFS) รายงานยังระบุด้วยว่า สิงคโปร์มีแนวโน้มที่จะเป็นตลาดสินเชื่อดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคไปจนถึงปี 2030
ภาคการท่องเที่ยวและการขนส่งออนไลน์คาดว่าจะฟื้นตัวสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในปี 2024 โดยรายได้จากการจัดส่งอาหารซึ่งอยู่ภายใต้ภาคการขนส่งแตะระดับ 800 ล้านดอลลาร์ (2.89 หมื่นล้านบาท) ในปี 2023 เพิ่มขึ้น 60% จากปีที่แล้ว แม้ว่าผู้คนจะกลับไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เสนอส่วนลดและโปรโมชั่นน้อยลงก็ตาม
การท่องเที่ยวออนไลน์ของไทยเติบโต 85% เมื่อเทียบเป็นรายปี และถือเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2023
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น อัตราเงินเฟ้อและต้นทุนเงินทุนที่สูง ส่งผลให้การลงทุนของภาคเอกชนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
แม้ว่านักลงทุนจะพิถีพิถันมากขึ้น แต่เงินรอลงทุน หรือ Dry Powder ก็เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์ (5.68 แสนล้านบาท) ณ สิ้นปี 2022 เพิ่มขึ้นจาก 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.48 แสนล้านบาท) ในปี 2021
“สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ายังมีเชื้อเพลิงที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่การเติบโตขั้นต่อไป” รายงานระบุ
เพื่อดึงดูดเงินทุนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ธุรกิจดิจิทัลจำเป็นต้องแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าพวกเขามีเส้นทางสู่การทำกำไรที่ชัดเจนและเป็นไปได้ โดยบริการทางการเงินดิจิทัลยังคงเป็นภาคส่วนอันดับต้นๆ ที่นักลงทุนเลือกลงทุน เนื่องจากมีศักยภาพในการสร้างรายได้สูง
รายงานยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในภาคส่วนที่เพิ่งเกิดใหม่ในภูมิภาค เช่น เทคโนโลยีด้านสุขภาพ เทคโนโลยีการศึกษา และยานยนต์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “นักลงทุนกำลังกระจายพอร์ตการลงทุน”
ทั้งนี้ รายงานฉบับล่าสุดรวบรวมข้อมูลจาก 6 เศรษฐกิจในภูมิภาคเท่านั้น ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม แต่ไม่ได้กล่าวถึงประชากรของบรูไน กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา ตลอดจนติมอร์ตะวันออกและปาปัวนิวกินี
(1 ดอลลาร์ = 36.19 บาท)