
ให้เวลา 6 เดือนจัดการ อาหารขยะภายในโรงเรียน ‘เม็กซิโก’ หวังแก้ปัญหาโรคอ้วนในหมู่เด็กและเยาวชน
รัฐบาลใหม่เม็กซิโกเอาจริง ออกกฎเข้มงวดให้โรงเรียนในเม็กซิโกยกเลิกการจำหน่ายอาหารขยะภายในเวลา 6 เดือน โดยหากผู้อำนวยการโรงเรียนละเมิดคำสั่งดังกล่าว จะถูกปรับเงินระหว่าง 545-5,450 ดอลลาร์ (18,262-182,620 บาท) ซึ่งอาจเพิ่มเป็นสองเท่าหากมีการกระทำผิดซ้ำซาก
ทั้งนี้เม็กซิโกกำลังเผชิญกับ “ปัญหาโรคอ้วนในเด็ก” ที่เลวร้ายที่สุดในโลก โดยข้อมูลจากกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ UNICEF ระบุว่า เด็กๆ ในเม็กซิโกบริโภคอาหารขยะมากที่สุดในละตินอเมริกา และหลายคนได้รับแคลอรีจากอาหารขยะถึง 40% ของปริมาณแคลอรีทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละวัน และเด็กในเม็กซิโกประมาณหนึ่งในสามมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
จากผลสำรวจโรงเรียนกว่า 10,000 แห่ง ในช่วงปี 2023-2024 พบว่ามีอาหารขยะ 98% เครื่องดื่มหวานๆ 95% และน้ำอัดลม 79% รวมถึงโฆษณาเกี่ยวกับอาหารขยะมีถึง 25% จากโรงเรียนทั้งหมดที่ทำการสำรวจ
คลอเดีย เชนบาม (Claudia Sheinbaum) ประธานาธิบดีคนใหม่ของเม็กซิโก ซึ่งได้รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้ประกาศว่า โรงเรียนต่างๆ จะต้องนำเสนอจุดบริการน้ำดื่ม และขนมทางเลือก เช่น ทาโก้จากถั่ว
“การกินทาโก้ถั่วมันดีกว่าการกินมันฝรั่งทอดกรอบทั้งถุงเป็นอย่างมาก” และ “การดื่มน้ำดอกชบามันคงจะดีกว่าการดื่มน้ำโซดาเป็นอย่างมาก” เชนบาม กล่าว
อย่างไรก็ดี โรงเรียนส่วนใหญ่ในเม็กซิโกจากทั้งหมด 255,000 โรงนั้น ยังไม่มีน้ำดื่มฟรีให้กับนักเรียน โดยข้อมูลปี 2020 ระบุว่าความพยายามในการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรี สำเร็จไปเพียง 10,900 โรงเรียน หรือคิดเป็นแค่ 4% จากโรงเรียนทั้งหมดในประเทศเม็กซิโกเท่านั้น
นอกจากเรื่องน้ำดื่มแล้ว หลายโรงเรียนในเม็กซิโกยังมีสถานะยากจน และอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่แม้แต่การเข้าถึงห้องน้ำที่สะอาด การเข้าถึงไฟฟ้า และระบบอินเตอร์เน็ตก็ยังทำได้ยาก