ซาอุดิอาระเบีย-รัสเซีย จับมือกันตัดปริมาณน้ำมันในตลาดลงอีก ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดปรับตัวสูงขึ้น
ซาอุดีอาระเบีย-รัสเซีย ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก จับมือกันตัดอุปทานน้ำมันลงอีก ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
ซาอุดีอาระเบียประกาศเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) ว่าจะยืดเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ออกไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม และอาจขยายเวลาออกไปอีก
ไม่นานหลังการประกาศดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ โนวัค กล่าวว่ามอสโกจะลดการส่งออกน้ำมันลง 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม
การขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุฯ และการปรับลดการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย จะทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงร้อยละ 1.5
ต่อมาในวันเดียวกัน กระทรวงพลังงานแอลจีเรียประกาศว่าจะลดการผลิตน้ำมันลงอีก 20,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนสิงหาคม เพื่อสนับสนุนความพยายามของซาอุดีอาระเบียและรัสเซียในการสร้างสมดุลและเสถียรภาพให้กับตลาดน้ำมัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) พุ่งขึ้น 0.6% สู่ระดับ $75.84 ต่อบาร์เรล ณ เวลา 22.52 น. ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 0.6% สู่ระดับ 71.03 ดอลลาร์
ทั้งนี้ กลุ่ม Opec+ มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 40% ของโลก ด้วยข้อตกลงก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้ปรับลดการผลิตลงแล้ว 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งคิดเป็น 3.6% ของอุปสงค์ทั่วโลก
OPEC+ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ได้ตัดอุปทานน้ำมันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพื่อดันราคาน้ำมันให้พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ของจีนที่อ่อนแอลงและอุปทานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถขยับราคาได้มากนักจากช่วง 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล