ต้องไม่ประนีประนอม กับเรื่องความปลอดภัย ‘ครูต้นคูณ’ ชี้เหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน เกิดจากความมักง่าย ไม่ลงทุนเรื่องความปลอดภัย
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เพลิงรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนจากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี บนถนนวิภาวดี หน้าศูนย์การค้าเซียร์รังสิต จ.ปทุมธานี ในช่วงเที่ยงของวันนี้
เมื่อเวลา ประมาณ 15 นาฬิกา สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยรายงานล่าสุดว่าคันที่เกิดเหตุคือ รถคันที่ 2 มีครู 6 ราย ออกมาได้ 3 ราย และนักเรียน 38 ราย ออกมาได้ 16 ราย รวมทั้งหมดในรถมี 44 ราย ออกมาได้ 19 ราย
เบื้องต้นได้นำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล 8 ราย ได้แก่ โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 6 ราย และโรงพยาบาลราชวิถี 2 จำนวน 2 ราย เพื่อให้การดูแลรักษาแล้ว พร้อมทั้งประสานเครือข่ายหน่วยบาดแผลที่เกิดจากไฟไหม้ เพื่อรองรับผู้ป่วย โดยขณะนี้ทีมกู้ชีพชั้นสูง (ALS) จากโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ จ.ปทุมธานี ได้เข้าประจำพื้นที่เพื่อช่วยเหลือคนไข้แล้ว
ทั้งนี้ เหตุเพลิงไหม้ยังไม่สงบ จำนวนผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ หรือผู้สูญหาย ยังต้องรอข้อมูลยืนยัน หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
ด้านครูต้นคูณ – ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ ทายาทโป๊ยเซียนรุ่น 2, ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และ ติวเตอร์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยระบุถึงความสำคัญของความปลอดภัยที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยมีข้อความว่า
“ทัศนศึกษา” สำคัญและสมควรต่อการจัดการการเรียนรู้ของเด็ก
แต่เราต้องไม่ประนีประนอมกับเรื่องความปลอดภัย ต้องไม่มักง่าย ต้องไม่ชุ่ยหรือละเลยอะไรแม้เพียงเล็กน้อย
การเดินทางไปทัศนศึกษาไม่ได้เสี่ยงมากไปกว่าการเดินทางไป-กลับโรงเรียนตามปกติ คนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แบบไม่สวมหมวก หรือนักเรียนวัยคะนองที่โหนท้ายสองแถว ยังเสี่ยงตายมากกว่าการนั่งรถบัสด้วยซ้ำ
ความมักง่าย การไม่บำรุงรักษา การไม่ลงทุนกับเรื่องที่ควรลงทุนนั่นแหละที่ต้นเหตุ
และข้อสำคัญคือทัศนศึกษาควรทำให้สมกับวุฒิภาวะและวัย ความรู้มีทุกแห่ง ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมีให้ศึกษาได้ทุกที่ เด็กที่เล็กเกินไปก็ไม่จำเป็นต้องหอบหิ้วกันข้ามจังหวัดเพื่อไปทัศนศึกษา เพราะหลายครั้งเด็ก ๆ ไม่รู้จักท้องถิ่นของตัวเองเลย แล้วท้องถิ่นจะไปเติบโตได้อย่างไร
“อย่าชุ่ย” สำคัญกว่าสิ่งอื่น