ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ การลงทุนก่อสร้างปี 66 อาจหดตัว จากความไม่แน่นอนทางการเมือง และจากค่าแรงขั้นต่ำที่อาจจะสูงขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยแพร่บทความ “มูลค่าการลงทุนก่อสร้างรวม ปี’ 66 อาจหดตัว…จากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง” บนหน้าเว็บไซต์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยว่า
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า มูลค่าการลงทุนก่อสร้างรวม (รัฐ+เอกชน) ปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 1.34 ล้านล้านบาท หดตัวในช่วง –2.0% ถึง –1.0% (YoY) เป็นผลหลักจากเม็ดเงินลงทุนก่อสร้างภาครัฐที่น่าจะหดตัว จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทั้งช่วงเวลาที่จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญไปจากเดิม
รวมถึงยังต้องติดตามผลคะแนนการเลือกตั้งที่จะกำหนดหน้าตาของแกนนำรัฐบาล ซึ่งกระทบต่อการพิจารณางบประมาณประจำปี 2567 และอาจส่งผลให้การเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของภาครัฐเลื่อนออกไปหรือไม่สามารถเริ่มเบิกจ่ายได้ทันภายในปีนี้ นอกจากนี้ก็อาจมีการทบทวนโครงการก่อสร้างภาครัฐกรณีมีการจัดสรรงบประมาณใหม่
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว เนื่องจากยังมีแรงหนุนบางส่วนจากการลงทุนก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ทั้งโครงการ Mixed-use และการฟื้นฟูกิจการโรงแรมและค้าปลีก เพื่อรองรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว แม้การก่อสร้างโครงการที่พักอาศัยอาจยังให้ภาพที่ระมัดระวังท่ามกลางสภาพตลาดที่ยังมีความกังวลด้านกำลังซื้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
ขณะการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบ Public-Private Partnership (PPP) ที่ดำเนินการต่อเนื่องตามสัญญา บางส่วนน่าจะเดินหน้าก่อสร้างต่อได้ แต่บางส่วนอาจมีความล่าช้าหรือต้องหยุดโครงการชั่วคราว ตลอดจนโครงการใหม่ๆ ที่ต้องรอการพิจารณาของภาครัฐก็อาจไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในปีนี้
ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมองว่า มูลค่าการก่อสร้างรวมในปี 2566 ที่อาจหดตัวจะส่งผลต่อผลประกอบการของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแต่ละรายในปีนี้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
โดยเฉพาะประเภทและความต่อเนื่องของงานก่อสร้างที่มีอยู่ รวมถึงความสามารถในการจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ทั้งราคาวัสดุก่อสร้างที่ยังยืนตัวสูงและแนวโน้มค่าแรงขั้นต่ำที่อาจปรับสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจในระยะข้างหน้า”