สาธารณสุขไทยส่อล่ม ต่างด้าวคลอดบุตรไม่เสียเงิน ‘พยาบาล NICU’ เผยประสบการณ์ต่างด้าวคลอดลูก 3 คน ไม่จ่ายเงินให้โรงพยาบาล และอยากได้คนที่ 4

สืบเนื่องจากกรณีที่เป็นกระแสข่าวเกี่ยวกับกรณีที่มีแรงงานต่างด้าว เข้ามาใช้สิทธิขอรับบริการคลอดบุตรในประเทศไทย ด้วยการใช้ภาษีของคนไทยเป็นจำนวนมากนั้น จนทำให้โรงพยาบาลรัฐตกอยู่ในภาวะขาดทุน ซึ่งนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการล่มสลายของระบบสาธารณสุขไทย

ผู้ใช้บัญชี Tiktok “nures5554” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำแผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด (NICU Nures) ได้โพสต์คลิปกล่าวถึงกรณีนี้ว่า จริง ๆ แล้วเหตุการณ์เช่นนี้นั้นเกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่เป็นข่าวบ้าง ไม่เป็นข่าวบ้าง มาเป็นระลอก ๆ 

โดยกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ชาวต่างด้าวเหล่านี้ เข้ามาอาศัยทำงานในประเทศไทย และตั้งครรภ์และคลอดในไทย ซึ่งในหลายกรณีนั้น คนเหล่านี้ไม่ได้มีการฝากครรภ์มาก่อน และมีท่าทีว่าจะคลอดก่อนกำหนด ตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงจนต้องย้ายเข้ามารับการรักษาในแผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด (NICU)

และด้วยความที่ไม่ใช่คนไทย คนเหล่านี้นั้นจะต้องจ่ายค่ารักษาเองทั้งหมด แต่คนเหล่านี้ไม่จ่าย ซึ่งทางโรงพยาบาลเกรงว่าคนเหล่านี้จะทิ้งลูก ซึ่งจะทำให้เป็นภาระของรัฐในการดูแลเด็กที่ถูกทิ้งเหล่านี้ จึงขอให้คนเหล่านี้จ่ายค่ารักษาเพียงหลักพัน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจริง ๆ นั้น อาจจะอยู่ที่หลักแสน หรือหลักล้าน (ราคาสูง เพราะไม่ใช่กรณีคลอดปกติ)

ในแต่ละวันนั้น มีคนต่างด้าวเข้ามาขอรับบริการห้องคลอดเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นหนี้โรงพยาบาล แต่คนเหล่านี้นั้นต่างก็ไม่รับผิดชอบต่อหนี้ที่เกิดขึ้น บางครั้งหลังจากที่ก่อหนี้เอาไว้แล้ว ก็ส่งลูกกลับบ้าน ส่วนตัวเองยังคงทำงานต่อในไทย

ตนเองเคยพบเจอกรณีที่หญิงชาวเมียนมา เข้ามาคลอดถึง 3 ครั้ง และต้องเข้าห้อง NICU ทั้ง 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกนั้นเป็นลูกที่เกิดกับชายคนหนึ่ง แต่ท้องที่ 3 นั้นเป็นกับชายอีกคนหนึ่ง แต่ทั้ง ๆ ที่มีลูกแล้ว 3 คน หญิงคนนี้กลับกล่าวว่าต้องการคนที่ 4 อีก

หญิงคนนี้นั้นเป็นคนว่างงาน มีสามีเป็นแรงงานต่างด้าว ทำงานแต่ฝ่ายเดียว และรายได้ก็ไม่ได้เยอะ อีกทั้งยังไม่ได้คิดคำนึงเลยว่า จะต้องชดใช้หนี้ที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาลอย่างไร ไม่มีความคิดที่จะทำหมันอยู่ในหัวเลย 

อีกทั้งกรณีเช่นนี้นั้น พบในกลุ่มชาวกัมพูชา และลาวด้วย และเยอะมาก ซึ่งคนเหล่านี้นั้น ไม่มีความสามารถในการจัดการกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาลได้เลย

กรณีในลักษณะนี้นั้น เกิดขึ้นกับทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศไทย จึงไม่แปลกใจเลยที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยนั้นจะเกิดการขาดทุน

สำหรับคำถามที่ว่า โรงพยาบาลมีหน้าที่ในการช่วยเหลือคน แต่เหตุใดจึงมาคิดเรื่องกำไร/ขาดทุน ก่อนที่จะตั้งคำถามกลับว่า ถ้าไม่มีเงิน โรงพยาบาลจะเอาเงินที่ไหนมาบริหารโรงพยาบาล ถ้าไม่มีเงิน โรงพยาบาลจะอยู่ได้ ได้อย่างไร? เพราะการซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ และการจ้างบุคลากรทางการแพทย์นั้น ล้วนแล้วต้องใช้เงินทั้งสิ้น

ซึ่งปัญหาคนต่างด้าวเหล่านี้ ได้มาเบียดบังงบประมาณของโรงพยาบาลในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ จนทำให้ต้องใช้อุปกรณ์ที่เก่าและไม่แน่นอน เป็นเหตุให้การให้บริการของโรงพยาบาลมีความล่าช้า ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ปัญหาที่เกิดจากชาวต่างด้าวที่มาสร้างภาระด้านค่าใช้จ่ายนั้น กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ และมีเยอะมาก ๆ

สำหรับกรณีที่มีข้อโต้แย้งว่า มีเพียงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมายเท่านั้น ที่จะได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาล ตนเองเห็นว่า ไม่ว่าจะเข้ามาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ สุดท้ายแล้วคนเหล่านี้ไม่มีเงินมากพอที่จะชำระค่ารักษา ดังนั้นจึงเหมือนกับเป็นการให้เปล่าไปโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ เมื่อมีผู้เจ็บครรภ์ที่กำลังจะคลอดมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลจะไปซักไซ้ว่ามีเงินติดตัวกี่บาท มีใบอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้หรือ? มีแต่จะต้องนำตัวผู้เจ็บครรภ์ไปคลอดที่ห้องคลอดก่อนทั้งนั้น เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นผู้ไม่มีจรรยาบรรณ จึงทำให้เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือทำคลอดก่อน

และเมื่อทำคลอดไปแล้ว และพบว่าเป็นต่างด้าวผิดกฎหมาย และไม่มีเงิน ก็กลายเป็นภาวะจำยอม ที่ทำให้โรงพยาบาลจำเป็นที่จะต้องแบกรับภาระ และกรณีเช่นนี้นั้นมีเยอะมาก ๆ ในหลายโรงพยาบาลในประเทศไทย และต่างด้าวเหล่านี้นั้น ไม่ได้มีแต่เพียงชาวเมียนมา แต่ยังมีชาติอื่นด้วย ซึ่งแรงงานต่างด้าวเหล่านี้นั้น ทำให้ระบบสาธารณสุขไทยมีปัญหาไทยจริง

นอกจากนี้นั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่ช่วย เราช่วยเหลือพวกเขาทำคลอดไปแล้ว แต่ปัญหานั้นเกิดขึ้นจากการที่คนเหล่านี้นั้นไม่สามารถตอบแทนสิ่งที่เราช่วยเหลือเขาไปได้ เขาไม่จ่ายเงิน อีกทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ถูกใช้ไปนั้น ล้วนแต่มีมูลค่าที่สูงทั้งสิ้น

สิ่งที่คนเหล่านี้ตอบแทนโรงพยาบาลของไทยที่ให้ความช่วยเหลือก็มีเพียงการมารับเด็กกลับบ้าน (เพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระของรัฐ ในการดูแลเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง) ซึ่งกรณีนี้ตนเองไม่ขอเหมารวมแรงงานต่างด้าวทุกคน แต่สิ่งที่ตนเองได้พบเจอนั้น ล้วนแต่เป็นเช่นนี้