Articles“อาการโหยหาอดีตเทียม” เครื่องมือสำคัญในสงครามสื่อมวลชน ที่ประชาชนต้องรู้เท่าทัน

“อาการโหยหาอดีตเทียม” เครื่องมือสำคัญในสงครามสื่อมวลชน ที่ประชาชนต้องรู้เท่าทัน

เราทุกคนล้วนแล้วแต่เคยมีช่วงเวลาที่สวยงามในอดีต ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งสะสมเรื่องราวเอาไว้มากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์เกี่ยวกับความรัก หรือความสำเร็จที่หอมหวาน และยังถูกกระตุ้นให้นึกถึงได้เสมอเมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบให้คิดถึงมัน เช่น สถานที่ที่เคยไปออกเดตอันน่าประทับใจ หรือ คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับภาพในอดีต เช่นขนมที่เคยกินในวัยเด็ก สติ๊กเกอร์สมุดภาพการ์ตูนเรื่องโปรดของเรา

นี่คือเรื่องปกติ เพราะทุกคนล้วนมีความทรงจำ และมันจะกลายเป็นอารมณ์ที่สุดแสนจะดื่มด่ำ เมื่อได้ฟังใครบางคนกำลังเล่าถึงอดีตของเขาที่เราเองก็เคยมีประสบการณ์เช่นนั้น จนเราอยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการแบ่งปันประสบการณ์เช่นนั้นบ้าง

แต่ในปัจจุบัน กลับมีกระแสใหม่เกิดขึ้น เมื่อเรื่องราวในอดีตเหล่านั้น กลับได้รับการถ่ายทอดโดยคนที่เกิดไม่ทันในยุคนั้น หรือไม่เคยมีประสบการณ์ หรือมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2475 หรือ เรื่องราวในอดีตของโรงภาพยนต์สกาล่าที่ปิดตัวลงไปแล้ว โดยเล่าตามจินตนาการของผู้เล่าเอง จนผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์

อาการลักษณะนี้ ทางจิตวิทยาเรียกกันว่า “อาการโหยหาอดีตเทียม”  (Protonostalgia/ Pseudo Nostalgia) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากชื่อแล้ว น่าจะเหมือนเป็นอาการที่แยกย่อยออกมาจาก “อาการโหยหาอดีต” (Nostalgia) แต่ในความเป็นจริง กลับเป็นอาการที่แยกย่อยออกมาจาก “อาการเพ้อฝัน” (Romanticize) เนื่องจากอาการโหยหาอดีตนั้น เป็นกระบวนการทางจิต ที่สมองดึงเอาความทรงจำเก่า ๆ ที่เคยเกิดขึ้นจริงมาใช้ในกระบวนการทางจิต แต่อาการโหยหาอดีตเทียมนั้น กลับเป็นเพียงความเพ้อฝันของใครบางคนบนเศษเสี้ยวของข้อเท็จจริง



ความเพ้อฝันในแง่มุมของพุทธศาสนา มีมูลเหตุมาจากกิเลสฟุ้งซ่าน เป็นตัวทำลายสมาธิ ทำให้จิตไม่จดจ่ออยู่กับความเป็นจริง แต่หากนำมาปะติดปะต่อให้ดี มันจะกลายเป็นจินตนาการ ซึ่งบรรดาจิตรกร นักดนตรี คีตกวี หรือนักแต่งนิยาย ล้วนแต่นำกิเลสตัวนี้มาก่อให้เกิดประโยชน์จนใช้งานได้ กลายเป็น Soft Power ที่ทรงพลัง

วรรณกรรมแนวย้อนอดีตต่าง ๆ อาทิ บุพเพสันนิวาส, ทวิภพ, แดจังกึม หรือ เจาะเวลาหาจิ๋นซี เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ประโยชน์จาก “อาการโหยหาอดีตเทียม”  ในการแต่งเรื่องราวที่ไม่มีอยู่จริงให้วางซ้อนทับลงไปบนเรื่องราวที่มีอยู่จริงได้ โดยความสนุกและความตื่นเต้นของวรรณกรรมเหล่านี้อยู่ที่ความแนบเนียนที่ทำให้ผู้อ่านลุ้นระทึก ถึงแม้ว่าผู้อ่านจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเหตุการณ์ในหน้าประวัติศาสตร์ดำเนินไปอย่างไร

แต่ก็ใช่ว่าเรื่องแต่งทำนองนี้จะได้ผลดีเสมอไป เนื่องจากอารมณ์ร่วมของผู้คนมีความทรงจำเป็นปัจจัยสำคัญ ถ้าหากเนื้อเรื่องเหล่านั้นขัดแย้งกับความทรงจำของผู้รับสารอย่างรุนแรง จะก่อให้เกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างที่ผู้กำกับภาพยนตร์ท่านหนึ่งพูดถึงโรงหนังสกาล่าในภาพที่ขัดแย้งกับความทรงจำของผู้คน จนเกิดกระแสตีกลับมา

ในด้านการตลาด มีสุรายี่ห้อหนึ่งใช้ประโยชน์จาก “การสร้างอดีตเทียม” ด้วยการสร้างโฆษณา สร้างภาพลักษณ์ของสินค้าให้ดูเหมือนเป็นยี่ห้อเก่าแก่อายุนับร้อยปี ทั้ง ๆ ที่บริษัทเพิ่งก่อตั้งมาไม่กี่สิบปี ทั้งนี้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดูน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภค โดยอาศัยชุดความคิดของผู้บริโภคว่า “สุรา ยิ่งเก่า ยิ่งดี” มาใช้ประโยชน์ เรียกปรากฎการณ์ในลักษณะนี้ว่า “ความคิดถึงแทน” (Vicarious Nostalgia)

ในทางการเมือง ปรากฎการณ์ “โหยหาอดีตเทียม” สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในสงครามสื่อมวลชน (Air War) โดยมุ่งสร้างภาพให้ประชาชนเกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันกับอดีตที่หอมหวาน เพื่อสร้างความรู้สึกว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่มีความมั่นคง ด้อยประสิทธิภาพ และน่ากังวลมากกว่าที่ควรจะเป็น



ไม่ว่ารากเหง้าของการโหยหาอดีตเทียม หรือความเพ้อฝัน จะมาจากกิเลสของคนหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่างไรก็ดีทุกสิ่งล้วนแต่มีประโยชน์และโทษในตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับเราว่าจะมีสติยั้งคิด และเลือกใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร

แน่นอน มีกลุ่มอาชีพหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากอาการเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง และบางกลุ่มนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการชักจูง หลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อ ผ่านการใช้สื่อต่าง ๆ ในลักษณะเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (Information Operation: IO)

ประชาชนอย่างเรา ๆ พึงมีสติ ควรรู้จักแยกแยะกลั่นกรองข่าวสาร และอยู่กับความเป็นจริง เพื่อปกป้องตนเองและคนรอบข้างจากโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่หวังดี

“อย่าเชื่อเพียงเพราะเราอยากจะเชื่อ หรืออย่าเชื่อเพียงเพราะมันดูน่าเชื่อ” นี่คือส่วนหนึ่งของ “กาลามสูตร” ที่เป็นจริงและเป็นสัจธรรมเที่ยงแท้ตลอดกาล

# TheStructureArticle

#อาการโหยหาอดีตเทียม #สงครามสื่อมวลชน



อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า