นายกฯ รับนักท่องเที่ยวครบ 10 ล้านคน ชี้เป็นสัญญาณดีต่อรายได้และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้าปีหน้าลุยให้ได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี

นายกฯ รับนักท่องเที่ยวครบ 10 ล้านคน ชี้เป็นสัญญาณดีต่อรายได้และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้าปีหน้าลุยให้ได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี

วันที่ 10 ธันวาคม 2565 นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวครบ 10 ล้านคน “Amazing Thailand 10 Million Celebrations” ณ อาคารผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอบคุณนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เชื่อมั่น และไว้วางใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยว 

ทำให้ภาคการท่องเที่ยวไทยบรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคนในปี 2565 พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจเป็นเจ้าบ้านที่ดี จนสามารถพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

นักท่องเที่ยวที่ครบจำนวน 10 ล้านคน ได้เดินมาพร้อมกับสายการบินซาอุดิอาระเบีย เที่ยวบิน SV846 บินจากกรุงริยาร์ด ประเทศซาอุดิอาระเบีย มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ อันเป็นการแสดงถึงนัยสำคัญของการรื้อฟื้นสัมพันธ์ของสองประเทศอีกครั้ง 

ในงาน นายกฯ ได้มอบตุ๊กตา “น้องสุขใจ” มัคคุเทศก์ตัวน้อย ตัวแทนของความสุขที่ได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทย พร้อมผ้าพันคอ ผ้าขาวม้า และหมวก เพื่อเป็นของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวผู้โชคดีที่เดินทางมาด้วยสายการบินซาอุดีอาระเบียน แอร์ไลน์

จากนั้นได้ตรวจเยี่ยมขั้นตอนการรับนักท่องเที่ยว การเตรียมความพร้อมขั้นตอนอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋าสัมภาระ และกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนในการร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

—————–

ข้อความจากเพจประยุทธ์ จันทร์โอชา

—————–

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ

วันนี้ (10 ธ.ค.65) ผมขอแจ้งข่าวดีให้ทุกท่านทราบว่า ประเทศไทยของเรา ได้เปิดบ้านต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลกครบ 10 ล้านคน ตามเป้าหมายในปีนี้แล้ว ซึ่งช่วยสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นกลับมาได้อย่างดียิ่ง 

ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้ ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงาน ที่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน ผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และทุกจังหวัดที่คอยดูแลจัดการให้ประเทศไทย เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการมาเยือนสักครั้งในชีวิต

ตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมา เมื่อสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย และประเทศไทยสามารถดูแลจัดการการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดกระแสความนิยมเดินทางมาประเทศไทย ที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “ไทยแลนด์ฟีเวอร์” อย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อได้ว่า ในปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว คือ 20 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศได้มากขึ้นอีกเป็น 2 เท่า

ดังนั้น ผมจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกคน และทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันแสดงออกถึงการเป็นเจ้าภาพที่ดี โดยร่วมมือกันตระเตรียมบ้านเมืองของเรา พร้อมต้อนรับแขกของเรา ดังนี้

1. ความสะอาดเรียบร้อยของบ้านเมือง ถนนหนทาง ห้องน้ำ พื้นที่สาธารณะ ชุมชน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดจนทุกครัวเรือนก็สามารถมีส่วนร่วมต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองได้ โดยทำให้ “หน้าบ้านน่ามอง”  

2. การดูแลความปลอดภัย ทั้งที่พักแรม การให้บริการ และการเดินทาง เช่น เรือโดยสารต้องไม่ให้เกินขีดจำกัดเรื่องจำนวนผู้โดยสาร มีชูชีพครบตามจำนวนและพร้อมใช้งาน  พนักงานขับรถ-เรือ-ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะต้องมีสภาพพร้อมทำงาน พักผ่อนอย่างเพียงพอ และดูแลยานพาหนะของท่านให้สมบูรณ์ เครื่องเล่นในสวนน้ำ-สวนสนุกต่างๆ ต้องตรวจสอบให้แข็งแรงได้มาตรฐาน  และทุกบริการให้เป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัย และมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ เพื่อบรรเทาความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาต่างๆ ด้วย

3. การอำนวยความสะดวก จัดระบบการบริหารจัดการเพื่อยกระดับการให้บริการ การจัดคิว การจอง ลดความคับคั่ง จำกัดจำนวนคนให้เป็นไปตามศักยภาพ โดยอาจประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยด้วย 

4. การสร้างความประทับใจ ด้วยความมีน้ำใจ จริงใจ เอาใจใส่ และรอยยิ้ม ความซื่อสัตย์ สร้างค่านิยม “ของหายต้องได้คืน” ให้เป็นวัฒนธรรมของไทย การให้คำแนะนำ/ช่วยเหลืออย่างจริงใจกับนักท่องเที่ยว และไม่ขึ้นราคาสินค้า/บริการอย่างไม่สมเหตุสมผล เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ เราจะต้องช่วยกันนะครับ การต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือนด้วยน้ำใสใจริงนั้น เป็นวัฒนธรรมอันงดงามของคนไทยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องปรับเปลี่ยน หรือลงทุนเพิ่มเติม เพียงแต่เราช่วยกันคนละไม้ละมือ ผมเชื่อว่าจะส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย ให้ประทับอยู่ในใจผู้มาเยือนทั้ง 20 ล้านคนในปีหน้าอย่างไม่เสื่อมคลาย และรู้สึกรักเมืองไทยเหมือนรักบ้านเกิดเมืองนอนของเขาเอง จนต้องกลับมาเยือนซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างแน่นอนครับ