
ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร ทำไมจึงเป็นอันตรายต่อมนุษย์มากกว่าฝุ่นประเภทอื่นๆ
ในบรรดามลพิษต่างๆ นั้น มลพิษทางอากาศถือได้ว่า เป็นหนึ่งในมลพิษที่เป็นอันตรายมากที่สุดต่อสิ่งมีชีวิต เพราะอากาศ คือ สิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถขาดได้เลย และมลพิษทางอากาศเองก็มีหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ฝุ่นอนุภาคขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติไปจนถึงฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กที่จัดได้ว่าน่ากลัว และอันตรายมากที่สุดในปัจจุบัน
ที่สำคัญไปกว่านั้น แหล่งกำเนิดของฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติแต่อย่างใด แต่กลับเกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น อีกทั้งการแพร่กระจายของอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กนี้ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองใหญ่เท่านั้น แต่พื้นที่ชนบทหลายแห่งก็เป็นพื้นที่แพร่อนุภาคฝุ่นขนาดเล็กและได้รับผลกระทบอยู่เช่นกัน ผลกระทบในแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเร็วลมและสภาพแวดล้อมในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งบริเวณที่ลมแรงก็จะมีอนุภาคฝุ่นน้อยกว่าบริเวณที่มีลมเบาหรือลมหยุดนิ่งอย่างเห็นได้ชัด
หนึ่งในฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กที่มีความน่ากลัวในปัจจุบัน คือ ฝุ่นอนุภาค PM 2.5 ซึ่งก็คือฝุ่นขนาด 2.5 ไมครอน หรือ 0.0025 มิลลิเมตรนั่นเอง เหตุผลที่มันน่ากลัวเป็นเพราะโดยปกติแล้ว ถ้าเป็นอนุภาคฝุ่นขนาดใหญ่ ร่างกายของมนุษย์จะมีกลไกพื้นฐานในการกรองฝุ่นเหล่านั้นอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่หากเป็นอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กมากๆ อย่าง PM 2.5 ไมครอน ร่างกายของเราไม่มีกลไกที่สามารถกรองอนุภาคฝุ่นที่เล็กขนาดนั้นได้ มันจึงกลายเป็นอันตรายต่อมนุษย์
นี่จึงเป็นที่มาของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จากฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กนี้ และไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ปีอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะแท้จริงแล้วฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบปีอย่างต่อเนื่องในชื่อที่เราคุ้นหู อย่างเช่น “หมอกควัน” แทนที่จะเรียกว่า “PM 2.5” ทั้งที่สองชื่อนี้หากมองถึงเนื้อใน ก็ชัดเจนในตัวอยู่แล้วว่าเหมือนกัน แต่ต่างกันเพียงแค่ชื่อที่ใช้ในการเรียกเท่านั้น
เพียงแต่ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การรับรู้เกี่ยวกับอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ยังมีน้อยและมองว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกปีในช่วงฤดูกาลที่ลมนิ่ง และจะหายไปเอง เมื่อเข้าฤดูฝนอนุภาคฝุ่นเหล่านี้จะถูกลมและฝนชำระล้างให้เบาบางไป อีกทั้งยังมีการใช้ชื่อเรียก ให้ดูเหมือนเป็นการลดทอนอันตรายของฝุ่นอนุภาคเหล่านี้ว่า “หมอกควัน” มาโดยตลอด
จนกระทั่งมีกระแสเรื่องสิ่งแวดล้อมและการตระหนักรู้เรื่องคุณภาพอากาศเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เรื่องอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ไมครอน กลายเป็นวาระสำคัญแห่งชาติที่ภาคส่วนต่างๆ พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กอย่างจริงจัง ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการตระหนักรู้ถึงอันตรายที่แท้จริงของอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กและไม่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบยั่งยืน ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นรูปแบบการพัฒนาประเทศที่หลายประเทศได้เอาไปใช้จริงในภายหลัง
ต้นเหตุของอนุภาคฝุ่น PM 2.5 นั้น เมื่อเปรียบเทียบโดยสัดส่วนแล้ว พบว่าควันจากท่อไอเสียและการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จากยานพาหนะสันดาป ถือว่ามีสัดส่วนมากที่สุดในการก่ออนุภาคฝุ่นขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก และพบได้มากในพื้นที่เขตเมืองควบคู่กับการเผาป่าหรือเผาพื้นที่ทางการเกษตรของมนุษย์ในพื้นที่เขตชนบท รวมทั้งปัจจัยรองอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จากภาคอุตสาหกรรม กิจการร้านค้าอาหารแบบปิ้งย่างตามข้างทางเป็นจำนวนมาก การก่อสร้างที่ขาดการควบคุมฝุ่นไม่ให้ฟุ้งในพื้นที่กว้าง เป็นต้น
และที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือ ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงปัจจัยที่เกิดขึ้นโดยมนุษย์และเกิดขึ้นภายในประเทศ หากนำปัจจัยอื่นที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ไฟป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ภูเขาไฟระเบิด หรือแม้แต่ภาวะลมนิ่งที่ยาวนานผิดปกติ จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์อนุภาคฝุ่นขนาดเล็กให้เลวร้ายลงไปอีก ขณะเดียวกันการเผาไร่นาหรือมลภาวะจากประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นปัจจัยภายนอกส่วนหนึ่ง ที่ทำให้สถานการณ์มลภาวะในพื้นที่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ หากมองถึงอันตรายของอนุภาคฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 แล้ว โดยมากมักจะผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบผิวหนัง และระบบไหลเวียนโลหิต และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะบริเวณที่มีความหนาแน่นของอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กเกินกว่ามาตรฐานที่ร่างกายมนุษย์จะสามารถรับได้ ซึ่งเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า “ตายผ่อนส่ง ดีๆ นี่เอง”
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กประเภทอื่น ๆ อย่าง PM 10 ไมครอน สารเคมีอันตรายต่างๆ ที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีและถูกปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศอีกเป็นจำนวนมาก ตลอดจนก๊าซเรือนกระจก ที่ยิ่งส่งผลให้คุณภาพของอากาศในพื้นที่แย่ลงไปอีก และเป็นตัวเร่งให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากมลภาวะทางอากาศมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดภาวะลมนิ่งเป็นระยะเวลานาน
โดยสรุปแล้ว อนุภาคฝุ่นขนาดเล็กที่ร้ายกาจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ไมครอน ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่กลับสร้างอันตรายให้แก่มนุษย์ได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซ้ำร้ายกว่านั้นคือ อนุภาคฝุ่นขนาดเล็กเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น แต่ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเองสามารถเป็นทั้งตัวช่วยทุเลาความรุนแรงของอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กเหล่านี้ หรือแม้แต่ซ้ำเติมสถานการณ์ให้ร้ายแรงยิ่งขึ้นไปได้อีก และไม่ใช่เพียงแค่เขตเมืองเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กเหล่านี้ แม้แต่พื้นที่ชนบทเองก็ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกิจกรรมของมนุษย์ในพื้นที่นั้นๆ เช่นเดียวกัน
สุดท้ายนี้ ทางแก้ไขปัญหาอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กยังมีหนทางอยู่หลากหลายวิธี โดยแต่ละวิธีมีผลดีและผลเสียแตกต่างกันไป แต่ถ้ามีการตระหนักรู้ถึงปัญหาฝุ่นอย่างแท้จริง โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังในประเด็นอุดมการณ์ทางการเมือง หรือใช้วาทกรรม “หมอกควัน” เพื่อลดทอนความน่าสะพรึงของฝุ่นเหล่านี้ รวมทั้งการร่วมผลักดันแก้ไขปัญหาให้สามารถทำได้จริงนั้น
“ก็เชื่อว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังต่อไป”
โดย ชย
#TheStructureColumnist
#PM2.5 #หมอกควัน #ปัญหาสุขภาพ
อ้างอิง :
[1] ฝุ่น: เหตุใดสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก จึงพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้ง
https://www.bbc.com/thai/thailand-46643980
[2] ป้องกัน “ฝุ่นPM2.5” ภัยร้ายที่ไม่เล็กของคนเมืองทำร้ายร่างกายทั้งระบบ
https://www.pptvhd36.com/health/care/1707
[3] PM2.5: ไร่ข้าวโพดในประเทศเพื่อนบ้าน กับวิกฤตฝุ่นควันในไทยเกี่ยวข้องกันอย่างไร?