‘พลอย-ทะลุวัง’ ลาออกกลุ่ม พร้อมแฉความไร้หลักการของกลุ่ม รวมถึงเอาชื่อของเยาวชนไปหากิน ผ่านโครงการ YSEALI ของสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือพลอย อดีตแกนนำกลุ่มทะลุวัง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Sweet Irine ระบุว่า ตนขอลาออกจากกลุ่มทะลุวัง
โดยระบุเหตุผลหลายประการ ตั้งแต่การที่แกนนำมีการคุกคามทางเพศ แต่ก็ไม่ได้รับการลงโทษ มีการใช้ข่าวลือใส่ร้ายกันเอง และหนักที่สุดคือ การถูกนำชื่อและการเคลื่อนไหวไปขอเงินทุนจากโครงการ YSEALI ซึ่งเป็นโครงการสร้างเครือข่ายผู้นำของสหรัฐฯ
และช่วงที่เธอหยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ถูกโจมตี เนื่องจากทำให้บุคคลคนนั้น นำเรื่องของเธอไปขอทุนต่อไม่ได้
———————
“แถลงการณ์ขอแยกทางกับองค์กรและกิจกรรมในชื่อ ทะลุวัง – ThaluWang
ชี้แจงว่าพลอยต้องการออกมาเคลื่อนไหวอย่างอิสระตามเจตจำนงเสรีของเรา ยังคงยึดมั่นเคลื่อนไหวต่อเพื่อประชาธิปไตย ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอในนามของตนเอง ไม่ต้องการสังกัดกลุ่มหรือองค์กรใด
และอีกสาเหตุ คือ เราไม่เห็นด้วยกับวิธีการทำงานของสมาชิกบางคนในกลุ่มทะลุวังที่ยังเหลืออยู่ เราอึดอัดมาก อึดอัดมาโดยตลอด แต่ก็ยังอดทนไว้เพราะไม่ต้องการมีปัญหาแล้วทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงาน วันนี้เราจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเพื่อส่งเสียงของเรา
เราไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวที่ไม่รับฟังความเห็น รวมถึงใช้วิธีชี้นิ้วสั่งคนอื่นๆ ในกลุ่ม และเรายังรู้สึกไม่ปลอดภัยกับการมองข้ามเสียงของเหยื่อ เพื่อกลับไปคุยกับผู้ที่ก่อเหตุความรุนแรงทางเพศ
นอกจากนี้เรายังเสียความไว้เนื้อเชื่อใจ จากการที่บุคคลเหล่านี้หาพรรคพวกเพื่อโจมตีเราด้วยข่าวลือต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งหลายคนที่กำลังอ่านอยู่น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง ไม่มากก็น้อย ตั้งแต่ขโมยของ ยักยอกเงิน คลั่งคุณไสย (เราเป็นแม่มด ทีหลังก็อย่ามาขอให้เปิดไพ่ดูดวงให้แล้วกัน 😡) ทำให้เราเสียหาย และเสียความไว้ใจทั้งจากคนที่เคยรู้จักเราและไม่เคยรู้จักเรา โดยทั้งหมดทั้งมวล มันนำไปสู่ความขัดแย้งภายในกลุ่ม และทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด
ที่ผ่านมาเราเจอความรุนแรงยังไงบ้าง เราไม่เคยพูดออกมา ทั้งไม่มีโอกาสได้พูด ไม่รู้จะพูดยังไง พูดไปจะมีคนเชื่อมั้ยว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำ จะอธิบายความรุนแรงที่เจอให้คนอื่นฟังยังไง จะถูก gaslighting เหมือนที่ผ่านมามั้ย (gaslighting คือ พฤติกรรมของการถูกปั่นหัว ใช้คำเบี่ยงเบนความคิดเพื่อให้เรารู้สึกถูกด้อยค่า และกลายเป็นคนผิดในเรื่องราวนั้น)
เราถูกแสวงหาผลประโยชน์จากการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองและความเป็นเยาวชน ชื่อและผลงานของเรากับเพื่อนถูกนำไปขอทุน เป็นค่าที่อยู่และค่าอาหาร ค่าเดินทาง ให้คนที่อ้างว่าจะดูแลเราเมื่อเราออกจากบ้าน แต่ผลปรากฎว่าเงินทุนตรงนั้นไม่ถูกแบ่งอย่างชัดเจนและไม่ไปถึงสมาชิกบางส่วน
นอกจากนี้ “คนใกล้ชิด” ของบุคคลข้างต้น ก็ยังมาแสวงหาผลประโยชน์กับเราที่ยังเป็นเยาวชนต่อ เขาขูดรีดผลประโยชน์จากเรา ผ่านการฉวยเอาเรื่องราวของเราในขณะทำกิจกรรม ไปเขียนขอทุนเข้าร่วมโครงการ YSEALI อ้างว่าเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาเราด้านกฎหมาย โดยมีผู้ดูแลของเราในตอนนั้นเห็นดีเห็นงามด้วยทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องจริง
เขานำเอกสารภาษาอังกฤษมาให้เราเซ็นชื่อ โดยที่ตอนนั้นเราไม่ได้มีทักษะภาษาอังกฤษมากพอที่จะเข้าใจ และเขาอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ว่าคืออะไร แต่ด้วยความเป็นเยาวชน เราไม่รู้ตัวว่ามันคือการขูดรีดผลประโยชน์ จนเพื่อนเราเตือนและจะขอช่วยดูเอกสารเต็มๆ อีกที แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดู และเราก็ไม่ได้รับรู้ความคืบหน้าอีกเลยว่าเขาได้ไปหรือไม่ ไปตอนไหน หรือได้อะไรบ้างจาการขูดรีดและใช้เรื่องราวของเรา
แถมเราถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดของเราที่หยุดเคลื่อนไหว ทำให้ขอทุนไม่ได้ คือเราออกมาเคลื่อนไหว เราไม่ต้องการเงินเดือน ไม่ได้อยากทำเป็นอาชีพ เราเลยตัดสินใจทำงาน จึงเริ่มขายสติ๊กเกอร์ เพื่อเอาเงินไปต่อยอด ไปซื้อไอแพดเพื่อมาทำงานและเรียนต่อยอดไปอีก แต่กลับกลายเป็นว่าเงินที่เราขายของได้กลับถูกเอาไปจนหมด เราขอแค่ไอแพดเครื่องเดียวเอามาวาดรูปขาย เราต้องถูกต่อว่าจนร้องไห้ออกมา ถึงจะได้รับอนุญาตให้ซื้อ
คุณค่าภายในเราถูกลดทอน ทำให้ตัวเล็ก ทำให้เราคิดว่าตัวเราอ่อนแอ จนทำให้เพื่อนและคนอื่นๆ ลำบาก เราถูกลดทอนตั้งแต่ตัวตน อัตลักษณ์ทางเพศ ความฝันในการเป็นนักวาดนักเขียน อุดมการณ์ของแรงงานสร้างสรรค์ไม่เคยถูกยอมรับ เราบอกว่าไม่อยากทำ NFT มันขายฝันและเรามีจุดยืนชัดเจน แต่พอไม่ทำ หาเงินให้ไม่ได้ ก็โดนด่า โดนโจมตีแม้กระทั่งความเชื่อทางจิตวิญญาณที่เรายึดมั่น
โดนตีตราว่าเป็นคนโง่ ไม่รู้จักโต ใช้ชีวิตเองไม่ได้ จนเรารู้สึกไม่มีค่า มีชีวิตเพียงเพื่อหาเงินเอามาจุนเจือคนที่อ้างว่าจะคอยดูแลเรา จนกระทั่งมีคนที่สามารถเอาเงินมาให้อดีตคนดูแลของเราคนนี้ได้ เราถึงหลุดออกจากความกดดันและแสวงหาผลประโยชน์เหล่านี้ แม้สุดท้ายเราจะถูกปฏิบัติทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ก็ตาม
ก็เคยฟีดแบคและสะท้อนความรุนแรงที่เขาทำ และที่เขาคนนั้นกำลังเจอ ทั้งจากแฟนของเขา ครอบครัว สังคมนักกิจกรรมที่ทำงาน เราเป็นคนที่ยืนเคียงข้างเสมอตั้งแต่วันที่เขาถูกโจมตี มีปัญหากับคนนั้นคนนี้ แต่สุดท้ายความจริงใจของเราก็เอาชนะอีโก้ของเขาไม่ได้เลย เสียงของเราไม่เคยถูกรับฟังอย่างแท้จริง พูดไปก็เหมือนพูดกับรัฐเผด็จการ โดนด่าและถูก gaslighting ถูกปั่นหัวกลับมา โดนตะโกนด่าใส่เป็นทรอม่าอีก เจอจากพ่อแท้ๆ มาแล้วยังต้องมาเจอความรุนแรงซ้ำ ๆ
ทุกวันนี้เราก็ยังเจ็บปวด ทรอม่า แต่ก็พยายามยืนขึ้นอยู่ เริ่มกลับมาทำสิ่งที่ชอบได้แล้ว ภูมิใจมากๆ ที่ตอนนั้นเข้มแข็ง ต่อสู้ฟาดฟันจนได้ไอแพดมาวาดรูปและเรียนหนังสือ ได้เขียนนิยายตามที่หวังและได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสียที แม้กระทั่งเมนูก็ยังยินดีที่เราออกสักที
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เราและเพื่อนๆ ตัดสินใจขอออกจากองค์กรทะลุวัง ตอนนี้มีสมาชิกทะลุวังตามที่ได้กล่าวอ้างในพื้นที่สาธารณะเท่านั้น เราและเพื่อนคนอื่นๆ ขอไม่ข้องเกี่ยวในนามของทะลุวังอีกต่อไป
แต่เราคงหวาดกลัวประโยคบอกรักและคำว่า ครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ไปอีกนาน”
ไม่น่าจะผ่าน เพื่อไทยชี้ร่างนิรโทษกรรม-ยุบ กอ.รมน. ไม่อยู่ในโผ ผลโพลระบุประชาชนไม่เห็นด้วยกว่า 70%
“การต่อสู้ครั้งนี้คือการต่อสู้กับระบอบทักษิณใหม่… ที่พยายามอ้างอิงไปที่สถาบันเบื้องสูงอยู่เรื่อย… ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าระบอบทักษิณ ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันเบื้องสูง”
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม