
ปลุกนักการเมือง ลุกขึ้นสู้ศาลรัฐธรรมนูญ ‘ปิยบุตร’ ชี้ประชาชนไม่มีอำนาจมากพอที่จะสู้กับศาลรัฐธรรมนูญ นักการเมืองควรหยุดกุมเป้าเปล่งวาจา “น้อมรับคำวินิจฉัย”
ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รศ. ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ X เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 โดยมีข้อความว่า
เกือบ 2 ทศวรรษที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยจนส่งผลกระทบกับการเมือง
ปลดนายกรัฐมนตรี 3 คน
ยุบพรรคใหญ่ 5 ครั้ง
ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ครั้ง
ล้มเลือกตั้งทั่วประเทศ 2 ครั้ง
ปลด ส.ส.อีกหลายครั้ง
แต่กลับเงียบสงัดชนิดเข็มตกลงพื้นยังได้ยินเสียง สมัยรัฐประหารปกครองประเทศ
ดังนั้นการต่อสู้กับศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นภารกิจอันจำเป็นที่ต้องร่วมมือกัน ประชาชนแต่ละคนทำไม่ได้ เพราะ ไม่มีอำนาจรัฐในมือ ทำได้แต่เพียงส่งเสียง และกดดัน
พวกที่ทำได้ คือ นักการเมืองในสภา ถึงเวลาแล้วที่นักการเมืองต้องจัดการสู้/โต้กับศาลรัฐธรรมนูญ อย่ามัวแต่สวมวิญญาณ “นักร้อง” ร้องศาล รธน เพื่อจัดการนักการเมืองด้วยกัน พอกันทีกับการทำตนเป็น “ไก่ในเล้า” จิกตีกันเอง รอให้พวกเขาเลือกไก่ไปเชือดทีละตัว
หยุดเสียทีกับการออกมายืนกุมเป้า เปล่งวาจา ”น้อมรับคำวินิจฉัย“ แล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อน ส่งคนอื่นๆเข้ามารับบทต่อ แต่นักการเมืองต้องรวมพลังกันจัดการศาลรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ตนมี
ยกเลิกการยุบพรรค
ยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ หรือเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและที่มาเสียใหม่
ยกเลิกความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
ยกเลิกอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม ของ ส.ส./รมต.
ยกเลิกอำนาจการตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นักการเมืองต้องแบกรับภารกิจเหล่านี้
ถ้านักการเมืองในสภารอบนี้ ไม่คิดทำ แต่เลือกกลับไปสมคบสุงสิงกับพวกชนชั้นนำ เลือกหนทาง “อยู่เป็น” หรือร้องขอความเมตตาจากพวกเขา เพื่อขอใบอนุญาตใบที่สองให้ตนได้เป็นรัฐมนตรี กันแบบเดิมๆแล้วล่ะก็
หนทางเดียวที่ “ประชาชน” มี คือ “ประชาชน” เลือก “ประชาชน” เข้าไปจัดการ และถ้า “ประชาชน” โดนจัดการ เอาคืน ทุบ ยุบปราบ อีก “ประชาชน” ก็จะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ “ประชาชน” สุกงอมเพียงพอที่จะเดินหน้าไปสู่สิ่งที่ไม่เคยเห็นในประเทศไทยมาก่อน