
อย่าทับถมอดีต ของพรรคประชาธิปัตย์ ‘ราเมศ’ โต้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ชี้ไม่เคยมีอดีตนายกรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ที่ติดคุกเพราะโกงชาติบ้านเมืองจนต้องหนีไปต่างประเทศ
ภายหลังจากที่ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการรับพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ แตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตซึ่งตนไม่สามารถยอมรับตัวตนในอดีตของพรรคประชาธิปัตย์ได้
ทำให้นายราเมศ รัตนะเชวง อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้ว่า ขอตั้งคำถามกลับว่าอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีใครเคยติดคุก เคยโกงประเทศหรือไม่ มีหัวหน้าพรรคที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีต้องหนีคดีโกงชาติบ้านเมืองออกนอกประเทศบ้างหรือไม่
ถึงแม้ว่าผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่ก็มีสมาชิก และประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ยังมีอดีต สส. อดีตรัฐมนตรี บุคคลที่ยังรักและศรัทธาพรรคที่ยังยืนหยัด ยังรักศักดิ์ศรีและคุณความดีในอดีตที่พรรคเคยสั่งสมมา
การจะมาทับถมอดีตของพรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่ถูกต้อง เพราะถ้าจะกล่าวถึงอดีต ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย พูดวันหนึ่งคงไม่จบ โดยเฉพาะเรื่องคดีทุจริตที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว หนึ่งเดือนไม่รู้จะพูดกันจบหรือไม่
การกล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค โดยคนของพรรคเพื่อไทย ในเรื่องการสลายการชุมนุม (ที่แยกราชประสงค์ในปี 2553) ล้วนแล้วแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น กระบวนการทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามกรอบของกฎหมาย ผ่านกระบวนการยุติธรรม ผ่านคณะกรรมการ ปปช.
และมีคำพิพากษาที่ปรากฎชัดเจนว่าการชุมนุมดังกล่าว มิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ และมีบุคคลที่มีอาวุธปืนปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม มีการฟ้องร้องกันในหลายคดี จนคดีจบไปแล้วว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้กระทำความผิด แต่ที่ยังพยายามพูดกันอยู่ว่ายอมรับในเรื่องนี้ไม่ได้ ก็เพียงเพื่อให้พรรคเพื่อไทยดูดีเท่านั้น
ทั้งนี้ขอให้แยกพรรคประชาธิปัตย์กับมติให้ร่วมรัฐบาลออกจากกัน เพราะศักดิ์ศรีของพรรคทั้งหมดที่ผ่านมาไม่ได้จบตรงมติที่ให้ร่วมรัฐบาล ที่จะให้ใครมาย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นประชาธิปัตย์ในอดีตได้ ขอให้ น.ส.แพทองธารกลับไปย้อนดูพรรคตัวเอง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และอนาคตที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ว่าจะมีจุดหมายปลายทางอย่างไร