
ศึกยังมีอีกเยอะ ขัดแย้งภายในต้องยุติ ‘ปิยบุตร’ เตือน พรรคประชาชนต้องมีความสามัคคีกัน
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค. 2567) ว่าก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 นั้น พรรคก้าวไกลพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นทุกสนามการเลือกตั้ง แต่กลับมาชนะในการเลือกตั้ง สส.
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าการเมืองระดับชาติกับการเมืองระดับท้องถิ่นนั้นมีการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน อีกทั้งถ้าหากไม่มีกระแส ประชาชนก็จะไม่กลับมาใช้สิทธิเลือกตั้งกัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรจะนำมาพิจารณาก็คือการสร้างทีม ซึ่งถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่ถ้าสามารถสร้างทีมได้ และเมื่อนำคะแนนมาพิจารณา พบว่ามีพัฒนาการอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็จะสามารถนำมาต่อยอดได้ และได้ทีมงานที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
“ถ้าไม่ทะเลาะกันเองในอนาคตนะ” แต่ถ้าแพ้ด้วยแล้วทีมแตกด้วย ขัดแย้งกันอีก อย่างนี้ต้องรีบทบทวน “คือคุณแพ้ทั้งสนามเลือกตั้ง แล้วคุณยังแพ้ในสนามของตัวเองอีก อันนี้น่าผิดหวัง แต่ถ้าแพ้ในสนามเลือกตั้ง แต่ยังเห็นหนทางสุกสกวาแวววาวใน 4 ปี 8 ปีข้างหน้า ผมว่าอย่างนี้ก็ไม่เสียหาย” ปิยบุตรกล่าว
อย่างไรก็ดี ปิยบุตรกล่าวว่าในการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่เหลืออยู่นั้น ต้องมีสักที่ที่พรรคประชาชนจะชนะบ้าง เป็นไปไม่ได้ที่จะแพ้ทั้งหมดในรอบนี้ แต่ทั้งนี้พรรคประชาชนนั้นจะต้องต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยความยากลำบาก
จึงอยากจะขอฝากไปถึง สส. พรรคประชาชน และทีมงานในจังหวัดต่าง ๆ ว่า ในการส่งผู้สมัครลงแข่งขันในการเมืองท้องถิ่นนั้นมันนำมาซึ่งความขัดแย้งอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ และการที่พรรคมี สส. เขตเพิ่มมากขึ้นถึง 112 นั้น จะกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งในการเลือกตัวบุคคลงแข่งขัน โดยเฉพาะในจังหวัดที่มี สส. ทุกเขตเป็นของพรรค
เพราะ สส. แต่ละคนก็ต่างต้องการที่จะส่งคนของตัวเองลงแข่งขัน สร้างความขัดแย้ง ทะเลาะเบาะแว้งกันภายในพรรค แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ
“วินัยพรรคต้องมาก่อน ตอนนี้ จบหมดเรียบร้อยแล้ว ทะเลาะกันพอสมควร พอสังเขป พอได้เลือด ได้น้ำ ได้เนื้อกันพอสมควร จบ! ระฆังดังแล้ว ไม่งั้นต่อไปวินัยพรรคมันไม่เกิด พอวินัยพรรคมันไม่เกิดมันตลกมาก”
ปิยบุตรกล่าวต่อว่าในบางจังหวัด เมื่อถึงเวลาสมัคร สส. ไม่ไป หรือไปคนเดียวทั้ง ๆ ที่มี สส. เต็มจังหวัด แต่เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป แต่ตนเองคาดหวังที่จะเห็นจิตวิญญาณของ สส. ในจังหวัดที่ส่งนายก อบจ. มาช่วยกันหาเสียง และขอให้ทุกคนให้ความสำคัญกับพรรคก่อนไม่ว่าจะมีความขัดแย้งกันอย่างไร ก็ขอให้ทำงานเพื่อพรรคก่อน
“คุณรบกับยักษ์ตัวเบ้อเริ่มของประเทศนี้ คุณรบกับยักษ์ตัวเบ้อเริ่มในจังหวัดของคุณ แล้วคุณยังมีการเลือกตั้ง 70 อีก คุณยังมีการเลือกตั้งอีกกี่สนาม ดังนั้นความขัดแย้งภายใน จบให้หมด แล้วมาเดินหน้าร่วมกันต่อสู้ เพราะเวลาแพ้มันแพ้ด้วยกัน” ปิยบุตรกล่าวว่า เมื่อถึงเวลาพ่ายแพ้นั้น ถือเป็นความพ่ายแพ้ของทั้งพรรค ไม่ใช่เฉพาะตัวบุคคล
แล้วถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะทำให้เกิดเป็นลัทธิเอาอย่าง แล้วงวดหน้าก็จะทำอีก “ไอ้นี่ทำได้ อีกจังหวัดหนึ่งมันทำบ้าง โอ้โห! ก็ไม่มีความเป็นพรรคแล้วครับ”
ปิยบุตรกล่าวว่าตนเองขอเรียกร้องว่า การมีความขัดแย้งภายในนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ในเมื่อวันนี้การเลือกตั้งได้เริ่มแล้ว ก็ขอให้ลงไปช่วยกันหาเสียง