Newsเพนกวินหนีคดี ไปเรียนต่อต่างประเทศ ชี้เพราะต้องคดีจึงไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เพนกวินหนีคดี ไปเรียนต่อต่างประเทศ ชี้เพราะต้องคดีจึงไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เพนกวินพริษฐ์ ชิวารักษ์ อดีตแกนนำม็อบราษฎร ซึ่งถูกศาลอาญาพิพากษา เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 สั่งให้จำคุก 2 ปี และให้ออกหมายจับมารับโทษตามคำพิพากษา ภายในอายุความ 10 ปี

วันนี้ เพนกวิน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าตนเองได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกแบบเต็มจำนวนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศโลกเสรี แต่เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายต่อตนเองนั้น ทำให้ตนเองต้องดินทางไปศึกษาต่อโดยไม่ได้ร่ำลาและแจ้งให้ใครได้ทราบกันล่วงหน้า โดยมีข้อความว่า

 

สวัสดีครับ เพื่อนพ้องและพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกคน

 

วันนี้ผมมีข่าวดีมาแจ้งให้พี่น้องทุกคนได้ทราบว่าผมได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกแบบเต็มจำนวนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศโลกเสรี การได้ศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้นถือเป็นโอกาสสำคัญยิ่งของชีวิตผม 

 

แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การใช้กฎหมายปิดกั้นเสรีภาพและปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผมจึงจำเป็นต้องเดินทางไปศึกษาต่อโดยไม่ได้ร่ำลาและแจ้งให้พี่น้องได้ทราบกันล่วงหน้า ตัวผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

 

นับจากวันนี้ไป  ผมเชื่อว่าคงจะมีหลายคนซึ่งอาจยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมืองกับผมออกมาเย้ยหยันว่าผมเป็นนักโทษหนีคดี เหมือนกับที่เคยเย้ยหยันคนอื่น ๆ มาก่อน ขอใช้โอกาสนี้เรียนไปถึงกลุ่มคนเหล่านั้นว่าการดำเนินคดีความทั้งหลายกว่า 30 คดีที่ผมตกเป็นจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหานั้น ล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับในสังคมนานาชาติว่าเป็นการดำเนินคดีความทางการเมือง ไม่ใช่การดำเนินคดีทางอาญา 

 

อีกทั้งกฎหมายที่ใช้กล่าวหาและดำเนินคดีผม โดยเฉพาะกฎหมายมาตรา 112 นั้น เป็นกฎหมายป่าเถื่อน ล้าหลัง และปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมนานาชาติ ผมจึงมิได้เป็นอาชญากรในสายตาสังคมอารยะประเทศทั้งหลาย ในทางตรงกันข้าม บุคคลและระบอบที่ใช้กฎหมายป่าเถื่อนล้าหลังดำเนินคดีผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อปราบปรามทางการเมืองต่างหากที่จะถูกถือว่าเป็นอาชญากร

 

สำหรับเพื่อนพ้องและพี่น้องทุกคนที่ได้ร่วมฝัน ร่วมต่อสู้ และร่วมเป็นกำลังใจกับผมในตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและการสนับสนุนที่ทุกท่านมีให้ผมตลอดมาไม่ขาด หลังปี 2565 เป็นต้นมา เงื่อนไขทางกฎหมายได้จำกัดเสรีภาพทางการแสดงออกของผมเป็นอย่างมาก 

 

ผมขอให้คำมั่นว่าไม่ว่าตัวผมจะอยู่แห่งหนตำบลใดหรือในสถานการณ์ใด ผมก็ยังคงเป็นผมคนเดิมที่ทุกท่านรู้จัก หัวใจของผมยังคงอยู่กับสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และประชาธิปไตยของประชาชนไทย รวมถึงความก้าวหน้าของประเทศชาติเราเหมือนที่เป็นตลอดมา

 

ในโอกาสนี้  ผมขอส่งใจให้กับมิตรสหายเพื่อนร่วมอุดมการณ์และพี่น้องประชาชนที่ต้องเผชิญหน้ากับการละเมิดสิทธิและปิดกั้นเสรีภาพโดยใช้กฎหมายที่ไร้ความเป็นธรรมเป็นข้ออ้าง โดยเฉพาะทนายอานนท์ นำภาและนักโทษทางการเมืองที่ถูกคุมกว่า 40 คน 

 

ผมขอเรียกร้องให้รัฐไทยยุติการดำเนินคดีทางการเมืองและปลดปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมด เพื่อลดความตึงเครียดในสังคมและฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาประชาคมนานาชาติ ผมเชื่อว่าผู้คนในอารยะประเทศนั้น หากได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทยก็จะเรียกร้องเหมือนกันกับผมเช่นกัน

 

ท้ายที่สุดนี้ ผมเชื่อว่าหากพวกเราคนไทยยังไม่หยุดใฝ่ฝันถึงเสรีภาพ เสรีภาพและความเป็นธรรมที่แท้จริงก็จะมาถึงพี่น้องคนไทยทุกคนในเร็ววัน

 

ขอฝากรัก ศรัทธา และความนับถือมาถึงเพื่อนพ้องและพี่น้องทุกคนจนกว่าวันที่เราจะได้พบกันอีก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า