
เวียดนามเนื้อหอมสุดอาเซียน บริษัทญี่ปุ่นกว่า 56% อยากลงทุน ปัจจัยสำคัญที่ระบุคือ “ค่าแรงต่ำ” และ “การเมืองมั่นคง”
ผลสำรวจล่าสุดที่เผยแพร่โดยองค์การส่งเสริมค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) เมื่อวันที่ 21 ม.ค. พบว่า บริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศกว่า 56.1% มีแผนจะขยายการลงทุนในช่วง 1-2 ปีจากนี้ไปในเวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 1 ของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บริษัทญี่ปุ่นต้องการลงทุนมากที่สุด
ฮารุฮิโกะ โอซาสะ ผู้แทนระดับสูงของ JETRO ในกรุงฮานอย ระบุว่า การส่งออกที่เพิ่มขึ้น ความต้องการในตลาดภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับข้อได้เปรียบของเวียดนามในด้านการเติบโตที่มีศักยภาพ ต้นทุนแรงงานที่ต่ำ และเงื่อนไขทางการเมืองและสังคมที่มั่นคง ซึ่งทั้งหมดนี้เกินค่าเฉลี่ยของอาเซียน เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการตัดสินใจดังกล่าว
“ธุรกิจจำนวนมากกำลังพิจารณาขยายธุรกิจเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเพิ่มยอดขายและผลกำไร ในขณะเดียวกัน ธุรกิจการผลิตกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายการผลิตผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์และผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง” โอซาสะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทญี่ปุ่นยังได้ชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดและความเสี่ยงบางประการในสภาพแวดล้อมการลงทุนในเวียดนาม โดยผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 62.4 % เชื่อว่าขั้นตอนการออกใบอนุญาตการลงทุนยังคงมีความซับซ้อนเกินไป ในขณะที่ 57.8% เน้นย้ำว่าระบบกฎหมายยังไม่สมบูรณ์และขาดความโปร่งใสในการดำเนินการ
นอกจากนี้ ซัพพลายเออร์ในประเทศยังไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดในด้านคุณภาพและเทคโนโลยี และยังขาดแคลนซัพพลายเออร์สำหรับวัตถุดิบอีกด้วย
“เพื่อคว้าโอกาสจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านการลงทุนและการผลิต เวียดนามจำเป็นต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยการลดขั้นตอนการบริหาร, ปรับปรุงระบบกฎหมาย และเพิ่มประสิทธิผลของการดำเนินนโยบาย นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนกัน และปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถของเวียดนามในการเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักลงทุนจากญี่ปุ่นด้วย” ผู้แทนระดับสูงของ JETRO ในกรุงฮานอย กล่าว