
ทางออกของยางไทย ในการส่งออกยางพารา ‘พาณิชย์’ ชี้ตลาดยางในไทยกำลังหดตัว จากยอดขายรถที่ตกลง แต่อินเดียขาดแคลนยางอย่างหนัก ต้องการการนำเข้าสูง
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคต.) รายงานถึงสถานการณ์การขาดแคลนยางพาราอย่างรุนแรงในอินเดีย ที่ถึงแม้ว่าในช่วงปี 2566-2567 จะสามารถเพิ่มกำลังผลิตขึ้นเป็น 8.57 แสนตัน จาก 8.39 ตันในช่วงปีก่อนได้ แต่ความต้องการบริโภคยางพาราในประเทศ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับจาก 13.5 แสนตันเป็น 14.16 แสนตัน ทำให้เกิดภาวการณ์ขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้อัตราภาษีนำเข้ายางพาราของอินเดียเองก็มีอัตราที่สูงถึง 25% และราคายางในตลาดโลกเองก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวมดเร็ว อีกทั้งในภาคการผลิตยางของอินเดียกำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนในการเก็บเกี่ยว อันเนื่องมาจากฤดูมรสุม ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมของอินเดีย
จนทำให้สภาอุตสาหกรรมยางแห่งอินเดีย (AIRIA) และสมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์ (ATMA) ได้ร่วมกันยื่นคำร้องต่อภาครัฐเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว
สคต. วิเคราะห์ผลกระทบและความท้าทายดังนี้
1. โอกาสด้านการส่งออก: ประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ เช่น ประเทศไทย ควรใช้ประโยชน์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดอินเดียด้วยการขยายช่องทางการส่งออก ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – อินเดีย ในช่วงที่ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นอาจทำให้ผู้ส่งออกมีกำไรมากขึ้น
2. อำนาจในการต่อรองที่เพิ่มขึ้น: ผู้ส่งออกมีความได้เปรียบในการเจรจาเนื่องจากสภาวะของตลาดอินเดียที่กำลังขาดแคลนวัตถุดิบและราคาที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งสัญญาณที่ดีในมุมมองของวางกลยุทธ์ทางการตลาดและการตั้งราคา
3. แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ: ราคายางธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในวงกว้าง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคปลายน้ำ
และให้ข้อคิดเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวทำให้อินเดียมีความต้องการการนำเข้ายางมากขึ้น และมีแนวโน้มที่สำคัญดังนี้
1 ) การนำเข้ายางพาราที่เพิ่มขึ้น จากประเทศผู้ผลิตหลัก เช่น ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
2) แรงกดดันด้านต้นทุน อาจส่งผลให้เกิดการปรับราคาในตลาดและก่อให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
3) การลงทุนในอุตสาหกรรมยาง เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า อินเดียอาจมีการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งในด้านการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยี
และเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ยางพาราในประเทศไทยที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่ภาวะการค้ามีแนวโน้มชะลอตัวจากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมยางล้อชะลอตัวตามการหดตัวของยอดขายรถยนต์ที่มียอดหนี้เสียในการซื้อขายรถยนต์สูงขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อน้อยลง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจของโลกและของไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้ราคายางในบางเดือนปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทย ควรวางแผนการส่งออกให้มีความยืดหยุ่นและพร้อมปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้สถานการณ์การขาดแคลนยางในอินเดียให้เป็นประโยชน์ในการเจรจาต่อรองราคาและเงื่อนไขทางการค้า