
“ร่าง พรบ. กาสิโน… ถ้าหลักการและเป้าหมายชัดเจน ก็เดินหน้าได้ ไม่มีประเด็นอะไรเลย ไปพาดหัวกันเสียจน ผมจะถูกย้ายออกจากเก้าอี้แล้ว”
ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กฤษฎีกาทักท้วงร่าง พรบ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือกฎหมายกาสิโนว่า ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย แต่หลักในการทำกฎหมายของรัฐบาล จะต้องยึดนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งจะต้องไปดูคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ซึ่งนโยบายของรัฐบาลนั้น มุ่งเน้นการสร้าง Man-Made Destination หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งกว้างกว่าร่างกฎหมายที่กระทรวงการคลังร่างขึ้น โดยใช้ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ในสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ซึ่งเน้นเฉพาะเรื่องของธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)และการแก้ไขปัญหาการพนัน
และกฤษฎีกาเห็นว่าการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ไม่ได้ปัญหาการพนันโดยตรง ถ้าอยากแก้ไขปัญหาการพนันโดยตรงต้องไปแก้ไขที่อื่น เช่น นิสัยของคน พฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นการพนัน ซึ่งก็มีกฎหมายการพนันอยู่แล้ว
ร่างกฎหมายฉบับนี้จึงควรจะระบุให้ชัดเจนว่ามีวัตถุประสงค์อย่างไรกันแน่ จะเน้นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้าง หรือจะเน้นการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ไม่เช่นนั้นก็จะร่างไม่ถูก เพราะว่ามีกลไกที่แตกต่างกัน จึงควรจะทำให้ชัดเจนก่อนที่จะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
กฤษฏีกาจึงเสนอต่อ ครม. ว่าควรจะมีความชัดเจนก่อน และขอยืนยันว่าไม่ได้กระโดดขวางอย่างที่สื่อบางสำนักพาดหัวเอาไว้ และเรื่องนี้ไม่ถือว่าขัดนโยบายรัฐบาล เพราะการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น
“หากวันนี้มีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. ว่าจะวัดบรรลุวัตถุประสงค์อะไร กฤษฎีกาก็จะไปร่างกฎหมาย ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ตามนโยบายที่รัฐบาลต้องการ สามารถดำเนินนโยบายนี้ได้ไม่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีประเด็นปัญหาเรื่องนโยบาย
จริงๆ สภาฯรับรู้แล้ว ว่าจะมีเรื่องในวันนี้ ถ้าหลักการและเป้าหมายชัดเจน ก็เดินหน้าได้ ไม่มีประเด็นอะไรเลย ไปพาดหัวกันเสียจน ผมจะถูกย้ายออกจากเก้าอี้แล้ว” กล่าว