“ยุทธศาสตร์ชาติ คือเรื่องของการเปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย แสดงว่าไม่ใช่เปลี่ยนแบบสักแต่ว่าเปลี่ยน แต่เปลี่ยนแบบมีแบบแผน มีกระบวนการ มีกรอบ มีทิศทาง”
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหารไทยเบฟเวอเรจ และประธานนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 66 กล่าวในงาน “Thailand Next: เปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย” เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2567 ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเรานั้นมีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอยู่แล้วโดยธรรมชาติ อยู่ที่เราว่ามีความพร้อม และองค์ความรู้มากขนาดไหน
“คนไทยเราเก่ง แต่ส่วนใหญ่มักจะเก่งเดี่ยว เก่งแบบรวมพลังเนี่ย เราเห็นน้อยหน่อย ถ้าเปรียบเทียบกับกีฬา กีฬาโอลิมปิก เวลาเราส่งนักกีฬาไปแข่งขัน เราจะเห็นเหรียญทองที่เราได้ เทควันโด บางทีเราได้ยกน้ำหนัก บางทีเราได้มวย และจริงๆบางทีเก่งในประเภทการแข่งขันเชิงเดี่ยว แต่ยังต้องยกให้อีกว่าสุภาพสตรีเนี่ยมีวินัยแล้วก็มีความมุ่งมั่นที่จริง ๆ แล้วสามารถที่จะสร้างภารกิจอะไรต่างๆ นานาได้มากกว่า”
คนไทยเรามีทักษะไม่ได้แพ้ใคร หากมองในเชิงเดี่ยว แต่มวลรวมทั้งประเทศ เราสู้เขาไม่ได้จริง ๆ สู้มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนามไม่ได้ “เวลาเรารวมกันเรารวมกันไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร” เวลาที่ตนเองลงไปทำงานพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ชาวบ้านเขาบอกว่ามันเป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจกรรม เหมือนกับการ “รวมการเฉพาะกิจ”
ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมต้องเฉพาะกิจ ทำไมไม่รวมการตลอดไป สะท้อนให้เห็นว่าพวกเรา (คนไทย) รวมตัวกันได้ไม่เก่งจริง ๆ เหมือนเวลาเราไปรวมตัวกันทอดกฐิน ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วก็ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย โดยไม่ตั้งคำถามว่าเราจะดูแลวัดวาอารามที่เราเป็นโยมอุปฐากกันอย่างไร
“ขีดความสามารถ ผมเชื่อว่าคนไทย เดี่ยว ๆ นี่เก่ง (แต่) รวมกันเนี่ยยังสะท้อนออกมา ไม่เก่งได้นักเท่ากับเวลาคนอื่นเค้ารวมตัวกัน” นายฐาปนกล่าว และกล่าวต่อว่าภาคเอกชนได้มีการพูดคุยกัน และกำลังจะรวมตัวกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะว่าถ้าหากทำเดี่ยว ๆ ก็จะเป็นการทำเรื่องที่ซ้ำ ๆ กัน ไม่มีพลังร่วม
“มนุษย์เป็นคนคิดค้นสร้างวิวัฒนาการและเทคโนโลยีต่างๆ มา แล้ววิวัฒนาการและเทคโนโลยีเหล่านั้น ก็เป็นส่วนที่ช่วยสร้างมนุษยชาติ จริงๆ มนุษย์ create tools invent tool (สร้างเครื่องมือ) แล้วก็ tools เหล่านั้นเนี่ย create humankind (สร้างมนุษยชาติ)
จริงๆ อย่างที่พวกเรามองเห็นกัน แต่ก็แปลกไปอีกอย่างหนึ่งว่า ก็เป็นเพราะมนุษย์ ก็ทำลายด้วยกันเอง เป็นผู้สร้างด้วย เป็นผู้คิดค้นด้วย เป็นผู้เอารัดเอาเปรียบกันเองด้วย เป็นผู้ทำลายกันด้วย” นายฐาปนกล่าวและกล่าวต่อว่าในโลกใบนี้มีทั้งพี่ใหญ่และน้องเล็ก ซึ่งถ้าเราไม่ร่วมมือกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
ประเทศไทยเรานั้น เรารวมตัวกันน้อยไปหน่อย และรวมตัวกันได้ไม่เก่งเท่าคนอื่น แต่ในวันนี้ประเทศไทยของเรา ทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังมองหาแนวทางการทำงานร่วมกัน ซึ่งตนเองเห็นว่าเอกชนไทยนั้น เดี่ยว ๆ แล้วเราเก่งไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะในเรื่องของการขาย การผลิต และความคิดสร้างสรรค์
แต่ในบ้านเรากลับมีกฎระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการขยับขยาย เป็นข้อติดขัดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ภาคเอกชนเราสามารถขยับขยายไปในระดับภูมิภาคและเป็นในระดับนานาประเทศได้ อย่างเช่นกลุ่มเซ็นทรัล ที่เข้าไปบริหารห้างสรรพสินค้าในยุโรป หรือ กลุ่ม CP ที่ร่วมมือกับ NASA ในการพัฒนาการส่งไก่ไปในอวกาศ
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการทั้งการผลิตและนวัตกรรมของเราไม่แพ้ใคร องค์กรเอกชนไทยของเราไม่ได้แพ้ใคร สามารถขยับขยายไปข้างนอกได้อย่างเต็มกำลัง สามารถไปร่วมกับเครือข่ายภาคีได้มากมาย
“เรากำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลง บางทีอาจจะเรียกว่า Superman Syndrome (ซูเปอร์แมนซินโดรม) คือออกไปข้างนอก เราพอมีพลัง กลับดาวคริปตัน คือกลับมาบ้านตัวเองเนี่ย อาจจะรู้สึกว่าแรงน้อยนะครับ บินไม่ได้ ยกของอะไรรู้สึกว่าจะไม่ได้เหมือนเดิม” นายฐาปนกล่าว
นายฐาปนกล่าวว่า สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับในภาคเอกชน เวลาที่ตนเองลงไปทำงานร่วมกับฐานราก พบว่าผู้คนมีขีดความสามารถในการเป็น Change Catalytic (ผู้เร่งปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลง) สร้างการปรับเปลี่ยนได้อย่างมากมาย แต่กลับไม่คล่องตัวเมื่อกลับไปที่ชุมชนของตนเอง มีกลไกบางอย่างที่สร้างข้อจำกัด
“เรามีอะไรดี ๆ กันมากมาย (แต่เรา) ยังประกอบร่างกันไม่ถูก เหมือนกับเราร้อยเรียงกันไม่ถูก ถ้าผมเปรียบเทียบเหมือนพวงมาลัยเ รามีดอกไม้งาม เราร้อยเรียงกันไม่ถูก ไม่รู้ว่าหยิบจับอะไรมา แล้วก็ร้อยกันเสร็จแล้วก็อาจจะดูไม่สวยงาม ทำอย่างไรที่จริงๆ เราจะร้อยเรียงกันได้ถูก ผมว่าเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ…
ที่เราได้หยิบยกขึ้นมาเสนอในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ คือเรื่องของ (การ) เปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย แสดงว่าไม่ใช่เปลี่ยนแบบสักแต่ว่าเปลี่ยน แต่เปลี่ยนแบบมีรูปแบบแผน มีกระบวนการ มีกรอบ มีทิศทาง” นายฐาปนกล่าว
นายฐาปนกล่าวว่าสิ่งที่คณะนักศึกษา วปอ. รุ่น 66 เรียนรู้จากหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ซึ่งทำให้ได้เห็นในหลากหลายมิติ ซึ่งทำให้ตนเองได้เห็นว่า มีโอกาสอยู่มากมาย แต่อยู่ที่ว่าเราจะรวมพลังกันได้อย่างไร