
ตัดไฟ-เน็ตเมียนมาไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทย มีฐานใหญ่ในกัมพูชา แต่ในฝั่งเมียนมาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนจีน
ถึงแม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจะดำเนินมาตรการตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน ที่ถูกส่งไปยังเมียนมา และบางส่วนถูกนำไปใช้เพื่อการก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะขบวนการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนกลายเป็นการสร้างแรงกดดันไปยังฝั่งรัฐบาลเมียนมา ทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นให้มีการปราบปรามขบวนการเหล่านี้อย่างจริงจัง
แต่ประเด็นนี้ทำให้เกิดคำถามว่า การทำเช่นนี้นั้น เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่ ?
เนื่องจากว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ก่อปัญหาหลอกลวงคนไทยให้ได้รับความเสียหายนั้น มีฐานปฎิบัติการอยู่ในฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดสระแก้วของประเทศไทย
ซึ่งเรื่องนี้สังเกตได้จากการรายงานข่าวเกี่ยวกับโฉมหน้าของเหล่าตำรวจปลอมที่ออกมาวีดีโอคอลหลอกลวงคนไทยนั้น เหล่ามิจฉาชีพต่างล้วนแต่มาจากฝั่งกัมพูชาทั้งสิ้น จนเพจ “ตำรวจสอบสวนกลาง” (CIB) ออกมาตั้งฉายาให้กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ให้เข้ากับกระแสซีรียส์ Squid Game ซีซั่น 2 ว่า “กองร้อยปอยเปต”
อีกทั้งกองทัพสามารถจับกุม “บัญชีม้า” ที่เล็ดลอดมาตามช่องทางธรรมชาติในฝั่งกัมพูชาได้ อีกทั้งยังสกัดจับขบวนเคลื่อนย้ายสัมภาระจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา ที่เคลื่อนย้ายหนีไปยังฝั่งกัมพูชา
แต่ทั้งนี้มีรายงานจากฝ่ายความมั่นคงว่า พื้นที่ในเมียนมานั่น เป็นที่ตั้งของกลุ่มอาชญากรรมที่ตั้งเป้าหมายในการหลอกลวงคนจีนเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อการหลอกลวงคนไทย อีกทั้งยังมีรายงานว่า กลุ่มมิจฉาชีพในปอยเปตนั้น มีไฟ-เน็ต มากเพียงพอที่จะก่ออาชญากรรมโดยไม่ต้องพึ่งพาจากฝั่งไทย อีกทั้งยังมีความพร้อมที่จะร่นถอยลึกลงไปถึงสีหนุวิลล์
พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ถูกกดดัน
ถึงแม้ว่าจะมีการตั้งข้อสังเกตว่า การออกคำสั่งตัดไฟ-เน็ต-น้ำมัน อย่างฉับพลัน ไม่ดำเนินมาตรการจากเบาไปหาหนักของรัฐบาลไทยนั้น อาจจะได้รับแรงกดดันมาจากรัฐบาลจีน จากการที่นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของจีน เดินทางเข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทย
โดยหลิว จงอี้เดินทางมาพร้อมกับแฟ้มข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีรายงานเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาเป็นจำนวนมาก และใช้เวลาในการสืบหาข้อมูลโดยหน่วยข่าวกรองของจีนมาเป็นเวลานับปี แสดงให้เห็นว่าทางการจีนให้ความสนใจกับกลุ่มอาชญากรเหล่านี้มาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
แต่ก็มีรายงานว่า สาเหตุที่ทางการจีนเพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหวนั้น เป็นเพราะว่ารัฐบาลจีนได้ดำเนินการกวาดล้างกลุ่มข้าราชการทุจริตภายในหน่วยงานความมั่นคงของจีนเรียบร้อยแล้ว
และที่ต้องเร่งปราบปรามอย่างจริงจังในเวลานี้นั้น ก็เพราะว่ารัฐบาลจีนได้รับแรงกดดันจากประชาชน จากการถูกตั้งคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงปล่อยปละละเลยให้ “ซิงซิง” นักแสดงชื่อดังชาวจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้เดินทางไปเมียนมาด้วย
รัฐบาลไทยตัดไฟเอาใจจีนหรือไม่ ?
ในการเดินทางไปเข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น สี จิ้นผิง กล่าวชื่นชมมาตรการตัดไฟของรัฐบาลไทย ทำให้ดูเหมือนว่าการตัดไฟของรัฐบาลไทยนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อการเอาใจจีนก็จริง
แต่ในทางกลับกัน การเอาใจจีนนั้น แลกมาซึ่งการเจรจาความร่วมมือกับรัฐบาลจีนในหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ-ความมั่นคง-การท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารไปยังคนจีนว่า ประเทศไทยมีความปลอดภัย จากการเร่งดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง นำมาซึ่งผลประโยชน์ของประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาหลอกลวงคนไทยยังไม่จบ ที่ได้รับผลกระทบนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
รัฐบาลจะเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาที่แท้จริงของคนไทยได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องคอยติดตาม
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
คอลัมนิสต์ The Structure