
หม่อมปลื้มชี้‘Self-Determination’ เป็นเรื่องใหญ่คือจุดเริ่มของการแบ่งแยกดินแดนเรียกร้องฝ่ายความมั่นคงดำเนินคดี
19 มิ.ย. 66 ม.ล. ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือปลื้ม พิธีกร และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ กล่าวในรายการ “The Daily Dose” ตอน “Self-Determination แค่คิดก็ผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคิดที่จะถาม” โดยมีเนื้อหากล่าวถึง มุมมองของนักรัฐศาสตร์ต่อการก่อตัวของการแบ่งแยกดินแดน ผ่านการผลักดัน Self-Determination พร้อมทั้งเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงดำเนินคดี ซึ่งมีเนื้อหาว่า
“ตอนนี้มันมีอีกเรื่องนึงซึ่งใหญ่เสียกว่า และเรื่องนั้นก็คือเรื่องของ Self-Determination
Self-Determination ผมไม่ต้องการที่จะแปลเป็นภาษาไทย เพราะจริง ๆ แล้ว Concept นี้ ผมไม่ต้องการนำเข้ามาบนแผ่นดินไทย ในสมัยซึ่งเรียนรัฐศาสตร์เนี่ย มันก็มีประเด็นซึ่งมีการตั้งคำถามกันอยู่ว่า สมมติว่าจะมีการก่อกำเนิดประเทศใหม่ขึ้นมา ประเทศใดประเทศนั้นจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง เวลาเขาสอนกันในวิชารัฐศาสตร์
ไม่ว่าจะเรียนในมหาวิทยาลัยที่ไหน ก็มักจะสอนกันว่าประเทศนั้นเนี่ยมีโอกาสที่จะก่อกำเนิดขึ้นมาถ้าเกิดพลเมืองที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนั้นสามารถสถาปนาอำนาจอธิปไตยเหนือเขตแดนนั้นได้ พร้อมเพรียงกับความที่มี Self-Determination หรือการกำหนดจากความต้องการของใจตนเองว่าต้องการปกครองแผ่นดินนั้น
ผมไม่ต้องการที่จะพูด ไม่เคยต้องการที่จะพูดถึงเรื่อง Self-Determination ในการจัดรายการที่นี่เลย หรือที่ไหนเลย เพราะว่าเรื่อง Self-Determination มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พอคุณเริ่มนำเสนอแนวคิดว่าพลเมืองสามารถยกมือขึ้นโหวตได้ว่าอยากที่จะปกครองตนเองหรือไม่เนี่ย
แล้วเสร็จแล้วคุณดันนำเสนอกฎหมายให้มีการทำประชามติ ให้ถามพลเมืองที่อยู่ในเขตแดนนั้น ไม่ว่าจะเป็นมลรัฐหรือจะเป็น District (ตำบล) เล็ก ๆ เป็นจังหวัดใหญ่ ๆ หรือจะเป็นหลายๆ พื้นที่เนี่ย ถ้าเกิดคุณเริ่มนำเสนอแนวคิดนี้เนี่ย แล้วสมมติว่าถึงเวลา เกิดมีการทำประชามติแล้วคนดันไปเห็นด้วยล่ะ ?
แบบที่มันเกิดขึ้นกับติมอร์ตะวันออก หรือแคว้นคัตตัลลัน หรือ แคตตาลัญแยร์ ในสเปนเนี่ย ถ้าเกิดคุณริเริ่มแนวคิด เสร็จแล้วคุณ หลังจากที่ Import Concept เข้ามา เสร็จแล้วคุณเสนอคำถามนี้ แล้วเสร็จแล้วว่าคุณ ถึงเวลากระแสมันสร้างแรงกระเพื่อมได้ เสร็จแล้วคนดันโหวตเอาด้วยล่ะ ?
ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหาที่กระทบต่อบูรณภาพ (ความครบถ้วน) ของดินแดน ของแผ่นดิน
เพราะฉะนั้นสำหรับผมนะฮะ และผมต้องการย้ำในประเด็นนี้ มันเป็นงาน ๆ ของฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ เรื่อง Self-Determination เรื่องของสิทธิที่พลเมืองจะกำหนดตามใจตนเองว่าอยากปกครองพื้นที่นั้น ๆ ตามอำเภอใจ ตามที่ตนเองนั้นเลือกว่า เฮ้ย อยากจะก่อกำเนิดเป็นเอกราชขึ้นมาใหม่ เหนือพื้นที่ซึ่งจริง ๆ แล้ว ในปัจจุบันเป็นส่วนนึงของประเทศอื่นอยู่
สิทธินั้น มันเป็นสิทธิที่ในที่สุดแล้วทำให้มีการเฉือนแผ่นดิน สิ่งที่ผมต้องการที่จะบอกคือ ไม่ใช่คิดไม่ได้ แต่พูด และนำเสนอไอเดียเรื่องประชามติ Self-Determination เอาตามใจกำหนดว่าต้องมีการมีอำนาจในการปกครองตนเองเหนือส่วนนึงของแผ่นดิน
อาจจะคิดได้ในทางวิชาการ แต่เค้าห้ามพูด เพราะว่าถ้าพูด แล้วเสร็จแล้วไปปลุกต่อ แล้วสักพักคนอยากเอาด้วยเนี่ย คุณกำลังทำสิ่งที่ไม่ใช่แค่ละเมิดรัฐธรรมนูญ แต่ว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่ใหญ่กว่าละเมิดรัฐธรรมนูญ คุณกำลังทำในสิ่งที่ไปละเมิดสิ่งที่ตอนนี้ประเทศชาติต้องการรักษาไว้ และนั่นก็คือแผ่นดิน แผ่นดินขนาดไซต์เดิม ไซต์นี้ ไม่มีการเฉือนส่วนนึงออกไป
ฝ่ายความมั่นคงจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ขนาดไหน ผมไม่ทราบ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะว่ามีพรรคการเมืองเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว พรรคการเมืองอาจจะไม่เกี่ยวเลยก็ได้ พรรคการเมืองไม่ต้องไป Back แล้วก็ไปตีจากขบวนการที่มันเป็น Mini Separate Movement (ขบวนการแบ่งแยกขนาดย่อม) นี้
Whatever (อย่างไรก็ตาม) ทางวิชาการที่มีการเคลื่อนไหวกันโดยกลุ่มนักศึกษาบางกลุ่ม แต่ต่อให้พรรคการเมืองตีจาก ขบวนการนั้นซึ่งมีอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อยจะต้องถูกดำเนินคดีความอย่างเป็นทางการ โดยฝ่ายความมั่นคง และนั่นคืองานที่คุณจะได้เริ่มเห็นต่อไปหลังจากนี้”