
ผู้บริหารวอลล์สตรีท กังวลทรัมป์-ระแวงแฮร์ริส โดยมองว่าทรัมป์อาจมีนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ขณะที่แฮร์ริสเองก็ไม่มีความชัดเจนใดๆ ในรายละเอียด
ผู้บริหารวอลล์สตรีทหลายคนยังคงแสดงความลังเลว่าจะสนับสนุนผู้สมัครคนใดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลว่านโยบายของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันก็เกรงว่านโยบายของรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จะเอียงซ้ายมากเกินไป
แม้ว่าบรรดาผู้ทรงอิทธิพลอย่าง บิลล์ อัคแมน, จอห์น พอลสัน และจอร์จ โซรอส ต่างก็สนับสนุนผู้สมัครรายหนึ่งอย่างชัดเจน แต่ผู้บริหารระดับสูงอีกหลายคนยังคงชั่งน้ำหนักนโยบายเศรษฐกิจของสองผู้สมัครซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ และผลกระทบต่อสถาบันทางกฎหมายและประชาธิปไตย
แม้มีประวัติใช้มาตรการที่เอื้อต่อตลาดหุ้น แต่ผู้บริหารหลายคนมองว่า นโยบายของทรัมป์ เสี่ยงที่จะสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและด้านนโยบาย
ด้านแฮร์ริสถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า แต่เธอเพิ่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเมื่อปลายเดือน ก.ค. ตอนที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ถอนตัว จึงยังคงมีหลายเรื่องที่ผู้คนอยากรู้ หลายคนกังวลว่ารองประธานาธิบดีจะยังคงปราบปรามธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาลในวอลล์สตรีทตามแนวทางของไบเดนต่อไป
บรูซ เมห์ลแมน หุ้นส่วนบริษัทล็อบบี้ Mehlman Consulting กล่าวว่า คนส่วนใหญ่คาดว่าทรัมป์จะสานต่อนโยบายเดิม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นนโยบายประชานิยม คุ้มครองการค้า และยกเลิกกฎระเบียบของภาคธุรกิจอย่างแข็งกร้าว ขณะที่การปราศรัยเรื่องเศรษฐกิจของแฮร์ริส เมื่อวันพุธ (25 ก.ย.) ไม่ได้ให้ข้อมุมมองเพิ่มเติมแก่บริษัทในวอลล์สตรีท
ฝั่งทรัมป์ ตอนเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ได้ให้คำมั่นว่าจะลดภาษีและลดความเข้มงวดด้านกฎระเบียบ แต่ผู้บริหารส่วนใหญ่มองว่า ผลประโยชน์ที่ได้อาจหายไปเนื่องจากแผนการขึ้นภาษีนำเข้าอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่การปรับลดภาษีนิติบุคคลอาจทำให้สหรัฐขาดดุลเพิ่มขึ้น
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกประจำทีมหาเสียงของทรัมป์ กล่าวว่า นักลงทุนวอลล์สตรีทต้องการให้ทรัมป์ชนะ เพราะพวกเขาจำได้ว่านโยบายของทรัมป์ “ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต ลดอัตราเงินเฟ้อ และทำให้ทุกคนมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น”
จอห์น พอลสัน นักลงทุนมหาเศรษฐีและผู้สนับสนุนทรัมป์ กล่าวกับรอยเตอร์เมื่อเดือน ก.ย. ว่าแผนภาษีของทรัมป์จะช่วยเพิ่มรายได้ และลดการขาดดุล
ส่วนแผนของแฮร์ริส ซึ่งนักวิเคราะหห์มองเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่า เรียกร้องให้ปรับขึ้นภาษี ซึ่งมีแนวโน้มบั่นทอนรายได้และมูลค่าหุ้นของบริษัท แต่จะช่วยชดเชยการขาดดุลที่คาดว่าจะขยายตัวได้บางส่วน และแม้ว่าเธอไม่ได้พูดอะไรมากนักเกี่ยวกับนโยบายการเงิน แต่ได้แสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อภาคธนาคารในฐานะอดีตอัยการ และกล่าวว่าเธอจะโจมตีค่าธรรมเนียมแฝงของธนาคารตามแนวทางของไบเดนต่อไป
มาร์ก คิวบาน นักธุรกิจมหาเศรษฐีและผู้สนับสนุนแฮร์ริส ระบุในอีเมลถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่าราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นเมื่อภาษีบริษัทสูงขึ้น “อะไรก็ตามที่จะนำไปสู่การลดการขาดดุลถือเป็นเรื่องดี” แต่ผู้สมัครทั้งสองคนต่างก็ให้คำมั่นสัญญาที่อาจจะไม่สามารถทำได้ “นโยบายของผู้สมัครทั้งสองคนไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ถึงวิธีปฏิบัติ”
สำหรับบริษัทหลายแห่ง ทำเนียบขาวของแฮร์ริส และวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันที่ขวางการขึ้นภาษี จะบีบให้แฮร์ริสเลือกคนสายกลางมารับตำแหน่งสำคัญ ถือเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด
ข้อมูล ณ วันที่ 21 ส.ค. จาก OpenSecrets ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบทางการเมือง ระบุว่า จนถึงขณะนี้ ผู้บริจาคในแวดวงหุ้นและการลงทุน ได้บริจาคเงินให้กับการหาเสียงของไบเดน/แฮร์ริส 8.7 ล้านดอลลาร์ (281.62 ล้านบาท) ให้ทรัมป์ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ (97.11 ล้านบาท)
(1 ดอลลาร์ = 32.37 บาท)