มาเลเซียควรแสดง ความจริงใจกับไทยมากกว่านี้ ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ ถาม ‘แพทองธาร’ ได้เจรจาผลประโยชน์อะไร ให้ไทยทั้งในด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคงบ้าง
จากกรณีที่ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมหารือร่วมกับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในหลายด้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ, การค้าและการลงทุน, การท่องเที่ยว และความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวานนี้ (16 ธ.ค. 2567) นั้น
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้ตั้งคำถามถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ได้แสดงออกว่าได้ให้ความสำคัญในเรื่องภาคใต้อย่างจริงจังในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้, ปัญหาปากท้องของประชาชน, ขบวนการอาชญากรข้ามชาติ หรือปัญหาผลกระทบจากภัยพิบัติ
ในขณะที่มาเลเซียนั้น ให้ที่พักอาศัยแก่ กลุ่มขบวนการต่างๆ ที่ต่อต้านไทยหรือพยายามแบ่งแยกดินแดนอย่างเปิดเผย ซึ่งที่ผ่านมา มาเลเซียถือเป็นกุญแจสำคัญ ในฐานะผู้ประสานงานการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทย กับกลุ่มต่อต้านแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้
จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า นายกฯ ได้มีการพูดคุย เพื่อใช้บทบาทของมาเลเซียในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไรบ้าง ?
ซึ่งในขณะนี้ มาเลเซียนั้นต้องการคะแนนนิยมในประเทศจากบุคคลสองสัญชาติมากขึ้น อีกทั้งยังต้องการที่จะยกระดับตัวเองในเวทีนานาชาติโดยอาศัยการแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานอาเซียน
ดังนั้น มาเลเซียก็ควรที่จะแสดงความจริงใจกับไทยให้มากกว่านี้ อย่างน้อย ๆ ในฐานะผู้ที่ประสานงานเรื่องภาคใต้ของไทยและได้อนุญาตให้แกนนำตัวจริงของกลุ่มขบวนการต่าง ๆ พำนักอยู่
มาเลเซียก็ควรให้คนเหล่านั้นเข้ามาพูดคุยสันติสุขกับไทย รวมทั้งช่วยไทยจัดระเบียบชายแดนที่มีปัญหามากมาย แบบที่ทำกับสิงคโปร์ เช่น การใช้ระบบสมัยใหม่ในการเข้าเมือง การสกัดกั้นขบวนการผิดกฏหมายต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
อีกทั้งมาเลเซียนั้น ยังแสดงความต้องการพลังงานราคาถูกจากไทยในอนาคต ซึ่งมาเลเซียนั้น ถือเป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 หรือ 5 ของไทยในโลก และอันดับ 1 ของอาเซียน อีกทั้งในมาเลเซียนั้นมีแรงงานไทยเข้าไปทำงานอยู่เป็นลำดับต้นๆ โดยเฉพาะแรงงานร้านต้มยำกุ้ง
ซึ่งนี่เป็นคำถามว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทยได้ทำอะไรเพื่อบริหารจัดการเรื่องนี้กับมาเลเซียบ้าง ?