มาเลเซียกับรถ EV จีน แข่งขันเสรีแบบมีเงื่อนไข ทางออกที่ไม่คล้อยตามหรือปะทะกับทั้งจีนและสหรัฐฯ
ในขณะที่สหรัฐฯ และยุโรป ใช้มาตรการกำแพงภาษีเพื่อกีดกันการนำเข้ารถ EV ของจีน ซาฟรูล อาซิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการลงทุนของมาเลเซีย ประกาศว่ามาเลเซียไม่จำเป็นต้องมีภาษี ดังกล่าว โดยเขายืนยันว่ามาเลเซียมีการแข่งขันที่เป็นธรรมระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศอยู่แล้ว
“เราเตือนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศอยู่เสมอว่าเราเป็น ‘เศรษฐกิจแบบเปิด’ เราปกป้องอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ และแม้ว่าเราจะคิดว่ายานยนต์ก็มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์เช่นกัน แต่อุตสาหกรรมเหล่านี้ควรเปิดรับการแข่งขัน” ซาฟรูล กล่าว
รัฐบาลมาเลเซียตั้งเป้าให้รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วน 15% ของปริมาณรถทั้งหมดบนท้องถนน ภายในปี 2030 อย่างไรก็ตามสมาคมยานยนต์มาเลเซีย ระบุว่าเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา มาเลเซียมียอดการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 10,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของรถยนต์ใหม่เกือบ 800,000 คัน
แม้ว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 290% ในปีที่แล้ว จาก 2,631 คันในปีก่อนมาสู่ยอดขายที่ 10,159 คันในปีนี้ แต่ผู้บริหารในอุตสาหกรรมได้ออกมาเตือนว่าการเติบโตดังกล่าวอาจหยุดชะงักเนื่องจากผู้บริโภคต้องรับมือกับรถ EV ที่มีราคาแพงและโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จที่ยังมีจำกัด
ซึ่ง ซาฟรูล เชื่อว่าทางออกสำหรับเรื่องนี้ อยู่ที่การดึงดูดบริษัทต่างๆ ให้มาผลิตยานยนต์ราคาย่อมเยาในมาเลเซีย และเพื่อบรรลุจุดประสงค์นี้ รัฐบาลจึงได้เสนอมาตรการจูงใจเพื่อกระตุ้นให้บริษัทต่างชาติมาตั้งโรงงานผลิตในประเทศ
“เราเสนอมาตรการจูงใจตามการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตในประเทศ” “ยิ่งใช้ชิ้นส่วนที่ในประเทศมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับสิ่งจูงใจมากขึ้นเท่านั้น”
ปัจจุบัน มาเลเซียห้ามนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ที่มีราคาต่ำกว่า 23,400 ดอลลาร์ (770,491 บาท) เพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ภายในประเทศ
“หาก BYD มีรถยนต์จำนวนมากที่มีราคาต่ำกว่า 23,400 ดอลลาร์ พวกเขาจะไม่สามารถนำเข้ามาได้ เว้นแต่จะประกอบในมาเลเซีย” ซาฟรูล กล่าว
ซาฟรูล กล่าวว่า ที่ผ่านมามาเลเซียไม่ได้เผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ ซึ่งมีความกังวลว่าบริษัทจีนจะเข้ามาในมาเลเซียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
“เราต้องดึงพวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมและอธิบายว่าเราให้คำจำกัดความการส่งออกจากมาเลเซียไว้ว่าอย่างไร” “หากประเทศต้นทางคือมาเลเซีย จะต้องประกอบด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 40% แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาจะเรียกเก็บภาษี หน้าที่ของเราคือแสดงให้เห็นว่าเราปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านี้”