แผนที่-เอกสาร ของ รฟท. ไม่น่าเชื่อถือ ‘กรมที่ดิน’ โต้ ‘รฟท.’ แจงเหตุผลที่ไม่คืนที่ดินเขากระโดง

กรมที่ดินออกแถลงการณ์ที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อตอบโต้กรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ออกมาชี้แจงในกรณีนี้มาก่อนหน้านี้ โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า

1. ประเด็นที่ รฟท.  กล่าวอ้างว่า ที่ดินบริเวณเขากระโดงได้รับการพิสูจน์และยืนยันผ่านกระบวนการทางศาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท.  จึงใช้ยันบุคคลภายนอกที่ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวรวมถึงกรมที่ดินด้วย รฟท.  จึงไม่จำต้องไปใช้สิทธิฟ้องเป็นรายแปลงต่อศาลยุติธรรมแต่อย่างใด โดยกล่าวอ้าง

   1.1 ประเด็นการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842 – 876/2560 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 

   1.2 ประเด็นการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 

   1.3 ประเด็นการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 ลงวันที่ 22 เมษายน 2563 

ทั้งนี้ จากคำพิพากษาทั้ง 3 คดี ผูกพันเฉพาะที่ดินพิพาทระหว่างคู่ความในคดี คือ ที่ดินจำนวน 35 แปลง (ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842 – 876/2560) น.ส. 3 ข. เลขที่ 200 หมู่ที่ 9 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ (บางส่วน) (ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561)

และโฉนดที่ดินเลขที่ 2971, 5272 และ น.ส. 3 เลขที่ 206 หมู่ที่ 9 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ (ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563) 

คำพิพากษาดังกล่าวไม่สามารถนำไปใช้ยันบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่จะมีการดำเนินคดีใหม่กับบุคคลที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 145 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ไม่ได้วินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,083 ไร่

การอ้างว่าคำพิพากษานี้เป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมดจึงเป็นการขยายความ เกินขอบเขตของคำพิพากษา รฟท.  จึงไม่สามารถนำผลของคำพิพากษาทั้ง 3 คดี ไปใช้กับที่ดินแปลงอื่น ๆ ได้ เนื่องจากการได้มาของที่ดินแต่ละแปลงมีความแตกต่างกัน ราษฎรซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจึงต้องมีโอกาสในการต่อสู้เพื่อป้องกันสิทธิของตนเอง

2. ประเด็นที่ รฟท.  กล่าวอ้างว่า ได้ยื่นพยานหลักฐานที่แสดงถึงการได้มาซึ่งที่ดินบริเวณเขากระโดงต่อคณะกรรมการสอบสวนฯ และร่วมรังวัดที่ดินบริเวณเขากระโดงแล้ว แต่กรมที่ดินยุติเรื่องโดยไม่รอผลการตรวจสอบแนวเขตที่ดิน

กรมที่ดินยืนยันว่า รฟท. ไม่สามารถแสดงหลักฐานการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และขอบเขตที่ชัดเจนได้ อีกทั้งแผนที่แสดงสิทธิ์ของ รฟท. นั้น นอกจากจะไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ยังพบว่าไม่มีความสอดคล้องกันตามหลักวิชาการแผนที่ด้วย ดังนั้นแผนที่ที่ รฟท. นำมากล่าวอ้างนั้น ไม่มีความน่าเชื่อถือ

3. 
   ประเด็นที่ รฟท.  กล่าวอ้างว่า ข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่ามีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรมที่ดินและสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ในฐานะผู้ออกเอกสารสิทธิในที่ดินต้องดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินทั้งหมด 

คณะกรรมการสอบสวนของที่ดินได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง เห็นว่าไม่ควรที่จะเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิ์ที่ดินด้วยมติเอกฉันท์ จนกว่าจะมีพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติได้ รวมถึงเอกสารหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของ รฟท.

ทั้งนี้ จากการดำเนินการตามนัยดังกล่าวข้างต้น กรมที่ดินได้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องรวมถึงคำพิพากษาศาลครบถ้วนเพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

แถลงการณ์กรมที่ดิน – https://drive.google.com/file/d/1yeV-Xh2RpPpDCBWsGHTbGDxgQjRji7KC/view?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR1wgiHU84aFUiku-CgSxAVWdJSYJaiWAG5Aj1XzI4ZTB1zNxQgG2ucbE3E_aem_n0cnnrzwu7buF-NjnNMuLQ