
ใช้ AI แทนที่แรงงาน รัฐบาลเกาหลีใต้ เตรียมดันการใช้ AI ในสายการผลิต พร้อมชวนเอกชนลงทุนอีก 4 ล้านล้านบาท
กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน (MOTIE) เกาหลีใต้ จะเริ่มออกแบบแผนแม่บทสำหรับการผลิตอัตโนมัติด้วย AI ในภาคการผลิตรถยนต์และการต่อเรือ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยจะเปิดตัวโครงการทดสอบในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศภายในปีนี้ ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีที และกระทรวง SMEs และสตาร์ทอัพ ก่อนที่จะขยายไปยังภาคส่วนอื่นๆ
กระทรวงฯ ระบุว่า จะต้องมีการลงทุนภาคเอกชนมูลค่ารวม 150 ล้านล้านวอน (ประมาณ 4 ล้านล้านบาท) รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศด้วย และเพื่อเป็นการดึงดูดเม็ดเงินลงทุน ทางกระทรวงฯ จะจัดสรรเงินจำนวน 14.7 ล้านล้านวอน (ประมาณ 3.9 แสนล้านบาท) ในปีนี้ เพื่อปรับปรุงนโยบายที่เกี่ยวข้อง ขยายแรงจูงใจในการยกเว้นภาษี และยกเลิกกฎระเบียบที่จะขัดขวางการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
เพื่อกระตุ้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย กระทรวงฯ ระบุว่า จะอนุญาตให้บริษัทเอกชนเป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จสูงสุด นอกจากนี้ ยังจะกำหนดโครงการ 40 อันดับแรกในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต และจัดสรรงบประมาณการวิจัย 70% หรือมากกว่านั้นให้กับบริษัทในท้องถิ่น
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ Ahn Duk-geun รัฐมนตรีการค้า กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานเกาหลีใต้ เผยเมื่อวันอังคาร (31 ม.ค.) ว่ารัฐบาลตั้งเป้าส่งออก 7 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 24.86 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าสถิติปี 2565 ที่ 6.836 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 24.25 ล้านล้านบาท)
กระทรวงยังตั้งเป้าที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้ได้ 35,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.24 ล้านล้านบาท) และการลงทุนของบริษัทเอกชน 150 ล้านล้านวอน (ประมาณ 4 ล้านล้านบาท) สำหรับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น
โดยกระทรวงฯ จะเดินหน้าขยายเครือข่ายการค้าเสรี และจะเลือกตลาดที่มีความสำคัญสูงสุด 10 แห่ง และผลิตภัณฑ์ยอดนิยม 30 รายการ เพื่อจำกัดขอบเขตการสนับสนุนของรัฐบาลและเพิ่มการส่งออกของบริษัทเอกชนในประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
เพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานสำหรับผู้ผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้และอุตสาหกรรมท้องถิ่นอื่นๆ ที่ต้องการวัตถุดิบสำคัญจากต่างประเทศ ทางกระทรวงฯ จะดำเนินการตามแผนระดับชาติเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากบางประเทศ ด้วยการผลักดันนโยบาย “ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม 3050” (Industry Supply Chain 3050) ของกระทรวงที่ประกาศไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ตั้งเป้าลดระดับการพึ่งพาการนำเข้าแร่ลิเธียมและแร่แรร์เอิร์ธ จากร้อยละ 70 ในปี 2565 ให้เหลือร้อยละ 50 หรือต่ำกว่าภายในปี 2573
(1 วอน = 0.027 บาท)
(1 ดอลลาร์ = 35.52 บาท)