Komatsu ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นกังวล แคนาดาตอบโต้นโยบายภาษีทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเครื่องจักรที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาแน่นอน
Komatsu ผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักสัญชาติญี่ปุ่น กล่าวว่า ความเสี่ยงทางธุรกิจอันดับต้นๆ ของ Komatsu ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น ไม่ใช่มาตรการภาษีที่ทรัมป์ขู่ไว้ แต่เป็นมาตรการตอบโต้ของแคนาดาที่อาจตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเครื่องจักรทำเหมืองที่ผลิตในอเมริกา
“ความเสี่ยงที่แคนาดาซึ่งเป็นประเทศส่งออกเครื่องจักรทำเหมืองที่ Komatsu ผลิตในสหรัฐอเมริกาจะถูกตั้งกำแพงภาษี เป็น ‘เรื่องที่เรากังวลใจมากที่สุด’ ในสมัยรัฐบาลทรัมป์ 2” ฮิโรยูกิ โอกาวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Komatsu กล่าวกับ รอยเตอร์
“เราเป็นผู้ส่งออกในอเมริกา… การส่งออกของ Komatsu จากสหรัฐฯ มีมูลค่าแซงหน้าการนำเข้าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ (3.42 หมื่นล้านบาท) ในแต่ละปี นับตั้งแต่บริษัทเข้าซื้อกิจการกิจการ Joy Global ผู้ผลิตเครื่องจักรทำเหมืองในรัฐวิสคอนซิน เมื่อปี 2017” โอกาวะ กล่าว
พร้อมเสริมว่า ในเรื่องผลกระทบจากภาษีที่ส่งผลกระทบต่อส่วนประกอบที่นำเข้ามายังสหรัฐ เช่น แผ่นโลหะจากจีนนั้น “ไม่รุนแรงมากนัก” และสามารถบรรเทาได้หากจำเป็น ด้วยการเปลี่ยนไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน เช่น ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มุมมองของผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักระดับโลกรายนี้ ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากคำมั่นสัญญาของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดา จีน และเม็กซิโก เมื่อทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประเทศเป้าหมายตัดสินใจที่จะตอบโต้ด้วยมาตรการกีดกันทางการค้า
โอกาวะ กล่าวว่า Komatsu จะยังคงลงทุนในสหรัฐฯ ต่อไปไม่ว่าประธานาธิบดีจะเป็นใครก็ตาม พร้อมกับให้คำมั่นว่า Komatsu จะลงทุนราว 80 ล้านดอลลาร์ (2.73 พันล้านบาท) เพื่อสร้างศูนย์บริการเครื่องจักรทำเหมือง ในรัฐแอริโซนา รวมถึงจะลงทุน 65 ล้านดอลลาร์ (2.22 พันล้านบาท) ใน ABS ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ในในรัฐมิชิแกน ที่ Komatsu ซื้อกิจการไปเมื่อปีที่แล้ว
Komatsu ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องจักรก่อสร้างที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Caterpillar โดยรายได้จากการขายในอเมริกาเหนือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 25% คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานไว้ที่ 3,650 ล้านดอลลาร์ (1.24 แสนล้านบาท) ในปีงบประมาณปัจจุบัน (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2025) ลดลง 5.6% จากปีที่แล้ว
(1 ดอลลาร์ = 34.22 บาท)