แก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการตอบคำถามต่อกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร ได้รับอนุมัติการประกันตัว ว่าเป็นสิทธิ และทักษิณไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี จึงไม่ควรเอากระบวนการทางศาลไปเล่นงานทักษิณ แบบที่หลายคนต้องการ

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ เผยแพร่บทความเรื่อง “สิทธิพื้นฐาน”ของคนขี้โกง ในรูปถามตอบ ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

นายแก้วสรรอธิบายถึงพฤติการณ์การหลบหนีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถึงแม้ว่าในอดีตจะเคยมีประวัติว่าเคยอ้างต่อศาลว่าจะขอไปดูโอลิมปิกแล้วหลบหนีไปถึง 18 ปี ว่าไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับปัจจุบันได้ เนื่องจากศาลวินิจฉัยว่าในปัจจุบัน นายทักษิณไม่น่าจะหลบหนี

“ในเมื่อวันนี้เขากลับมาเอง ไม่ใช่ถูกต่างประเทศจับส่งตัวมาให้ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อเป็นอย่างนี้เราจะมองว่าเขาพร้อมจะหลบหนีไม่ได้” นายแก้วสรรระบุ และระบุต่อว่า “สิทธิได้ประกันตัวนี้ เป็นสิทธิพื้นฐาน จะลิดรอนได้ก็ต่อเมื่อมีพฤติการณ์จริง ณ เวลานั้น มาอธิบายให้เห็นเป็น ‘ความน่าจะเป็น’ (Probability) ได้ ไม่ใช่มีแค่ ‘ความเป็นไปได้’ (Possibility) ตามจินตนาการของศาลแต่ละคนเท่านั้น”

นายแก้วสรรได้ตั้งคำถามขึ้นว่า “สรุปแล้วเราต้องยอมให้คนขี้โกงที่เหยียบกฎหมาย ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอยู่อย่างนี้หรือ” แล้วตอบว่า

“สาเหตุมันอยู่ที่ความบัดซบทางการเมือง ต้องแก้ที่ตรงนั้น จะเอากฎหมาย เอาศาลมาใช้เป็นอาวุธการเมืองจนเป็น ‘นิติสงคราม’ อย่างที่เขากล่าวหากันไม่ได้

ฝ่ายค้านต้องทำงาน ไม่ใช่ลอยตัวเป็น ‘ฝ่ายคอย’ คอยเสียบ คอยเลือกตั้งใหม่อยู่แบบนี้ ข้าง สส.รัฐบาล ก็ต้องเลิกเป็นขี้ข้าทุนเสียที ส่วน ปปช.ถ้ายังนิ่ง นั่งพองปากเป็นอึ่งอ่างอยู่แบบนี้ก็แก้รัฐธรรมนูญเลิกไปเสียเลย ท้ายสุดที่ฝูงใหญ่มากๆ ก็คือพวกกบเลือกนายก็ต้องกลับตัวมาเป็นคน เป็น ‘ประชาชน’ ที่แท้จริงได้แล้ว”

สำหรับคำถามต่อว่า “สรุปว่าเราพึ่งอะไรจากกฎหมายไม่ได้” และตอบว่า

“ตอบ พึ่งได้เท่าที่ควรพึ่งเท่านั้น คดีถอดถอนนายกฯ ถุงเท้าแดงจอมอีเวนต์ หรือคดียุบก้าวไกล ก็เหมือนกันครับ อย่าไปกดดันกันเลย มันเป็นคดีที่ยากทีเดียว ปล่อยให้ศาลท่านทำงานไปตามครรลองจะดีกว่า

วันนี้ เหลือแต่วิกฤตโลกทั้งเศรษฐกิจและสงคราม ที่กำลังส่งคลื่นสึนามิมากระแทกบ้านเรานี่แหละครับ ที่ต้องร่วมระดมความคิดระดมกำลังกันได้แล้วว่า เราจะอยู่รอดกันอย่างไร มี ‘อนาคตใหม่’ อะไรบ้าง ที่ต้องลงมือสร้างขึ้นมาได้แล้วในวันนี้

ที่สำคัญ…ต้องระวังอย่าให้มีเซเลนสกี้เมืองไทย ชักศึกเข้าบ้านพาชาติไปฉิบหายเป็นอันขาด”