กองทัพญี่ปุ่นทุ่มงบพัฒนา AI ระบบอัตโนมัติ และคุณภาพชีวิต เพื่อรับมือกับวิกฤตขาดแคลนกำลังพล หลังมีคนสมัคร เพียง 50% ของเป้าหมายที่ต้องการเท่านั้น
กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ของบประมาณด้านกลาโหมเพิ่ม 6.9% เป็น 8.5 ล้านล้านเยน (1.98 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบอัตโนมัติ และปรับปรุงสภาพการทำงาน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังพล ในขณะที่ญี่ปุ่นเร่งเสริมกำลังรบเพื่อรับมือภัยคุกคามจากจีน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่กองกำลังป้องกันตนเอง (SDF) สามารถดึงดูดผู้สมัครใจเข้ารับราชการทหารได้ 9,959 คน ในปีงบประมาณ 2023 สิ้นสุดเดือน มี.ค. คิดเป็นเพียง 50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเป็น 2 เท่าในปี 2022 เพื่อซื้อขีปนาวุธและอาวุธอื่นๆ จัดหาเครื่องบินรบล้ำสมัย และตั้งหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร อย่างไรก็ตาม อัตราการเกิดที่ลดลงของญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นต้องดิ้นรนมากกว่าเดิมเพื่อรักษากำลังพลมีอยู่ 250,000 นายในปัจจุบัน
กระทรวงกลาโหมระบุว่า จะจัดสรรงบประมาณ 18,000 ล้านเยน (4,186.38 ล้านบาท) ในปีหน้าสำหรับระบบเฝ้าระวังปัญญาประดิษฐ์เพื่อยกระดับรักษาความปลอดภัยฐานทัพ นอกจากนี้ กองทัพยังจะซื้อโดรนไร้คนขับเพิ่มเติม และสั่งซื้อเรือรบป้องกันภัยทางอากาศอัตโนมัติ 3 ลำ ในราคา 314,000 ล้านเยน (73,029.12 ล้านบาท)
กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นยังมีแผนที่จะเพิ่มอัตราค่าจ้างและปรับปรุงสภาพการทำงาน เช่น การจัดห้องนอนที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และหันมาใช้งานเชียลมีเดียในการสื่อสาร เพื่อจูงใจให้คนหนุ่มสาวสนใจเข้าทำงานในกองทัพมากขึ้น
และเพื่อดึงดูดผู้หญิงซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่ถึง 10% ของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น ให้เข้ามาทำงานในกองทัพมากขึ้น ทางกองทัพจะจัดสรรเงิน 16,400 ล้านเยน (3,814.26 ล้านบาท) เพื่อสร้างที่พักสำหรับบุคลากรหญิง พร้อมทั้งปรับปรุงห้องน้ำและห้องอาบน้ำ นอกจากนี้ กองทัพยังระบุด้วยว่า จะจ้างที่ปรึกษาภายนอกเพื่อสนับสนุนผู้หญิงและส่งเสริมการอบรมเพื่อป้องกันการคุกคามทางเพศ
(1 เยน = 0.23 บาท)