Newsได้เวลาทำสงคราม ไซเบอร์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ แนะขั้นตอนต่อไปในการปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านให้หมดไป

ได้เวลาทำสงคราม ไซเบอร์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ แนะขั้นตอนต่อไปในการปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านให้หมดไป

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงกล่าวถึงมาตรการตัดไฟฟ้าไปยังเมียนมา เพื่อเป็นการกดดันให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาอ่อนกำลังลงว่า มาตรการนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยังนานาชาติว่าไทยเอาจริงกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และทำให้ไทยได้รับคำชมจากนานาชาติจากปฏิบัติบัติการในครั้งนี้ด้วย

 

แต่ว่าตามแนวชายแดนนั้นยังคงมีปัญหาในเรื่องการเข้าออก เนื่องจากจำนวนผู้ผ่านแดนนั้นไม่ได้ลดลงไปมาก เพียงแค่การข้ามแดนนั้นทำได้ยากขึ้น เพราะว่าจะต้องทำเรื่องวันละครั้ง จากที่แต่เดิมสามารถเข้าออกได้หลายครั้ง เพื่อเป็นการลดอัตราการลักลอบเข้ามา แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ถือว่าง่าย

 

แต่ในภาพรวมก็ถือว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นสลบไปชั่วครู่ และลุกกลับขึ้นมาพร้อมกับวิธีการรับมือที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

 

สำหรับในทางการต่างประเทศ รัฐบาลไทยจะรับฟังแต่เฉพาะเสียงของคนไทยอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องมีมาตรการรองรับและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากในฝั่งเมียนมาด้วย เช่นผู้ป่วยวิกฤติที่อาจจะต้องรับเข้ามารักษาในประเทศไทย

 

และต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว โดยขอให้ลาวช่วยลดกการจ่ายไฟไปยังเมียนมา เพื่อเป็นการกดดันอีกทางด้วย โดยอาศัยข้อตกลงภายในอาเซียนว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาชิ หรือ Transnational Crime หรือ TC ซึ่งนี่เป็นมาตรการของอาเซียนที่มีอยู่แล้ว

 

อีกทั้งยังต้องมีการกวาดล้างภายในบ้านของเรา ซึ่งในวันนี้เริ่มมีการสั่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ในพื้นที่แล้ว และจะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง 

 

อีกทั้งยังมีกลุ่มคนที่มาอาศัยประเทศไทยเป็นฐานในการฟอกเงิน ซึ่งจะต้องมีการปราบปรามให้หมดไป แต่ทั้งนี้ต้องมีการดำเนินการภายใต้หลักมนุษยธรรม เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีลูกหลานที่เรียนหนังสืออยู่ในประเทศไทยด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีประเทศไทยอาเซียนอื่นที่ถูกใช้เป็นฐานในการฟอกเงิน และค้าอาวุธให้แก่กองกำลังในเมียนมา ซึ่งไทยต้องเจรจาให้ประเทศเหล่านี้ให้ความร่วมมือในการปราบปรามกลุ่มเหล่านี้ด้วย

 

สำหรับความร่วมมือกับจีนในการปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้นั้น มีกรอบอาเซียน + จีน อยู่แล้ว และสามารถอาศัยกรอบนี้ได้ แต่ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงกรอบนี้เลย

อีกทั้งจีนนั้นได้ไปคุยกับหลายประเทศในเรื่องน้าแล้ว และส่งสัญญาณให้ไทยดำเนินการปราบปรามมานานแล้ว เพราะว่ากลุ่มอาชญากรเหล่านี้นั้น ทำให้จีนเสียหายในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้นั้นมีคนจีนอยู่ในนั้นหลายหมื่นคน

 

สำหรับการดำเนินการหลังจากนี้นั้น อาจจะต้องมีการใช้ข้อตกลงในเรื่องการปราบปรามภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งมีญี่ปุ่นเป็นแกน เนื่องจากญี่ปุ่นนั้นมีเทคโนโลยีสูง ในขณะที่บางประเทศไปร่วมมือกับสิงคโปร์ที่มีความเชี่ยวชาญ และบางประเทศไปร่วมมือกับจีน หรือรัสเซีย

 

สำหรับในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งซ่องสุมนั้น ก็ต้องมีการกดดัน แต่เราเข้าไปเองไม่ได้เนื่องจากมีกติกาสากล และอธิปไตยของเพื่อนบ้าน แต่บางประเทศที่มีข้อยกเว้นก็เข้าได้อย่างเช่นจีน หรือสหรัฐก็เคยบุกเข้าไปในปานามาเพื่อจับตัวประธานาธิบดีที่มีส่วนพัวพันกับยาเสพติด เพราะเขามีความเข้มแข็งสูง แต่ของไทยนั้นต้องอาศัยความร่วมมือผ่านอาเซียน และข้อตกลงพิเศษที่มีอยู่

 

ซึ่งในที่สุด ไทยต้องปิดล้อมเพื่อให้พวกนี้ชะลอการขยายตัวลง และในระหว่างที่ปิดล้อมเอาไว้ ก็ให้จัดการปัญหาในประเทศไปก่อน เพื่อให้ฐานของพวกนี้อ่อนแอลงจนถึงจุด ๆ หนึ่ง จึงค่อยจัดการได้ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่คุยกันมานาน 

 

แต่ยังไม่เคยได้ทำจริง เพราะหน่วยงานต่าง ๆ บอกว่าต้องรอให้คนในพื้นที่เสนอขึ้นมาก่อน อย่างกรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ที่รอให้การไฟฟ้าเสนอขึ้นมาก่อน จึงค่อยลงไปตัดไฟ แต่ในวันนี้รอเช่นนั้นไม่ได้แล้ว ต้องมีการสั่งการจากเบื้องบน เช่น สมช. ลงไป แต่ สมช. จะต้องเข้าไปในพื้นที่เองเพื่อรวบรวมข้อมูล ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งการลงมา ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ไทยเราเคยทำมาแล้ว

 

สำหรับสิ่งที่ไทยควรจะทำในเวลานี้ ไทยอาจจะต้องโจมตี หรือตัดสัญญาณทางไซเบอร์ ซึ่งในวันนี้สังเกตได้ว่าในช่วงเวลานี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นดำเนินการได้ช้าลง แต่จะต้องทำให้ช้าลงไปมากกว่านี้ ทำให้อินเตอร์เน็ตของพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้งานได้ยาก หลอกคนไทยไม่ค่อยได้ เพราะสัญญาณมันแย่ลงจนสื่อสารไม่รู้เรื่อง หรือทำให้เว็บพนันใช้งานไม่ได้ จนคนเลิกใช้กันไปเอง

 

ซึ่งการจะทำเช่นนี้ได้นั้นมีหลายวิธีมาก แต่ว่าผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ จะต้องได้รับคำสั่ง หรืออาจจะให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งเรากำลังจะมีกฎหมายใหม่ที่ให้บริษัทโทรคมนาคม และธนาคารเข้ามาร่วมรับผิดชอบ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า