อิสราเอลเตรียม ทำสงครามกับเลบานอน ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ ชี้เหตุระเบิดเพจเจอร์พุ่งเป้าทำลายฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งอิสราเอลเปิดฉากโจมตีเลบานอนแล้วจริง ๆ
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เพจเจอร์ระเบิดในหลายพื้นที่ของเลบานอน เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บอีกเกือบ 3,000 ราย รวมถึงนักรบของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ (กลุ่มการเมืองชาวมุสลิมนิกายชีอะฮ์ในเลบานอน) และทูตอิหร่านประจำกรุงเบรุต ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นการยกระดับความขัดแย้ง ทำให้สงครามขยายวงกว้างขึ้นหรือไม่
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กับ TNN ในเรื่องนี้เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2567 ว่าเหตุการณ์นี้ได้สร้างความตึงเครียด และส่งผลกระทบต่อการเจรจาหยุดยิง ถึงแม้ว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรงกับฉนานกาซ่าก็ตาม
ทำให้บรรยากาศของความรุนแรง ความขัดแย้ง และสงครามใหญ่มีความชัดเจนมากขึ้นในสายตาของประชาชนหลายฝ่าย โดยเฉพาะชาวเลบานอนที่เคยมีความขัดแย้งกับอิสราเอลในรอบหลายสิบปี ทำให้ชาวเลบานอนรู้สึกว่าอาจจะถูกดึงเข้าไปสู่ความขัดแย้งและการสู้รบกับอิสราเอลอีกครั้ง
ทั้ง ๆ ที่ชาวเลบานอนจำนวนมากไม่ต้องการที่จะมีความขัดแย้งกับอิสราเอล แต่ความคลุมเครือในครั้งนี้ทำให้สังคมชาวเลบานอนมีความกังวลค่อนข้างมาก อีกทั้งยังทำให้เกิดความรู้สึกว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ อาจจะสร้างอันตรายเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ก่อนนี้ความรู้สึกในลักษณะนี้มีไม่มาก
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้เชื่อว่าอิสราเอลอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในขณะนี้ฝั่งอิสราเอลยังไม่ได้ออกมาให้ข้อมูล แต่ว่านิตยสารและสำนักข่าวของสหรัฐเริ่มรายงานเรื่องนี้แล้วว่า
มีความเป็นไปได้สูงว่าหน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล (มอสซาด – Mossad) มีความเกี่ยวข้องกับการฝังระเบิดเข้าไปในเครื่องมือสื่อสาร ซึ่งมิได้มีเฉพาะเพจเจอร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีวิทยุสื่อสารแบบพกพาแบบสองทาง (วอล์คกี้ ทอล์คกี้) ด้วย
โดยเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้นั้นกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ดำเนินการสั่งซื้อเมื่อ 2 ปีก่อน และทยอยส่งมอบในปีที่แล้วและปีนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการวิเคราะห์ของฝ่ายอิสราเอล แต่ทางสหรัฐปฎิเสธความเกี่ยวข้อง และไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้
เมื่อถามถึงจุดประสงค์ของการโจมตีในครั้งนี้ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าน่าจะมีจุดประสงค์หลายประการ ซึ่งการมีวัตถุประสงค์ในการตัดเครือข่ายการสื่อสารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ก็เป็นข้อสังเกตว่าอิสราเอลกำลังจะทำสงครามที่ใหญ่ขึ้นต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
จึงมีความจำเป็นในการตัดการสื่อสารในกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งใช้เครื่องมือประเภทนี้สื่อสารกันอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลได้มีการขยายการปฎิบัติการในเลบานอน ทำให้มีการเชื่อกันว่าอิสราเอลกำลังเตรียมตัวที่จะโจมตี
ในประเด็นที่ 2 ในการทำสงครามป้องปราม หรือสงครามจิตวิทยากับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อิสราเอลต้องการส่งสัญญาณ โดยอิสราเอลต้องแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่าอิสราเอลสามารถจะดำเนินการคุกคามโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้จากพื้นที่ที่ห่างไกล
โดยใช้ความสามารถด้านเทคโนโลยีที่เหนือกว่า และทำให้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์รู้สึกไม่ปลอดภัย ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จำนวนมาก
ส่วนประเด็นสุดท้าย เมื่อไม่นานนี้ มีข่าวออกมาว่าการจุดระเบิดก่อเหตุในครั้งนี้นั้น เกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนด เนื่องจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ระแคะระคาย มีความพยายามตรวจเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ว่ามีอุปกรณ์อื่น ๆ ฝังอยู่หรือไม่ ทำให้ฝ่ายอิสราเอลมีความจำเป็นที่จะต้องชิงลงมือก่อน
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อสังเกตของนักวิเคราะห์บางกลุ่มในภูมิภาคในขณะนี้
เมื่อถามถึงรายงานข่าวจากบริษัทผู้ผลิตเพจเจอร์ในไต้หวันที่ระบุว่า เพจเจอร์ล็อตนี้นั้น ถูกผลิตโดยบริษัทจากฮังการี การกระทำเช่นนี้จะเป็นการดึงชาติอื่นเข้ามาสู่ความขัดแย้งด้วยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าใช่ อีกทั้งยังมีรายงานว่าบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตในการผลิตนั้น ยังมีเครือข่ายอีกหลายบริษัทที่เกาะกลุ่มกันอยู่ในอาคาร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการสอบสวนแล้ว
แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากกลุ่มบริษัทหลายบริษัทในฮังการี ที่ถูกทางไต้หวันระบุว่าได้รับใบอนุญาตผลิต ซึ่งก็คงจะมีหลายกลุ่มที่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่ยังไม่ปรากฏชัดว่ามีการฝังวงจรที่ซับซ้อน และตรวจจับได้อยากเช่นนี้ เมื่อไร ที่ไหน ทำที่โรงงาน หรือทำในขณะที่ขนส่ง หรือทำในเลบานอน ซึ่งนี่จะเป็นอีกหนึ่งจุดที่จะมีการสอบสวนกันอย่างเข้มข้น
เมื่อถามถึงการประกาศของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่จะเอาคืนอย่างสาสม ในขณะที่นักการทูตของอิหร่านเองก็บาดเจ็บนั้น จะมีโอกาสที่จะทำให้เกิดสงครามระหว่างเลบานอน กับอิสราเอลมากน้อยเพียงใด รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายเชื่อว่าทั้งอิสราเอล และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ไม่ต้องการที่จะขยายความขัดแย้งไปสู่สงครามขนาดใหญ่ไปมากกว่านี้
การโต้ตอบกันประจำวันตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงขีปนาวุธ และนำยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปในพื้นที่ของอิสราเอลหลายพันครั้ง ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และเห็นกันอยู่ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้ยกระดับไปไกลมากกว่านี้
แต่ขณะนี้หลายฝ่ายเชื่อว่าอาจจะไม่มีทางเลือก ทั้งสองฝ่ายอาจจะเข้าสู่สงครามในสมรภูมิที่ใหญ่ขึ้น สร้างความกังวลให้แก่สหรัฐ และพันธมิตรหลายประเทศ จนมีการออกมาปรามให้ทั้ง 2 ฝ่ายยับยั้งชั่งใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีการประณามผู้ก่อเหตุ และมีการเรียกร้องให้ดำเนินการต่อผู้ก่อเหตุ ตามกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งกระทำในครั้งนี้นั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศหลายฉบับ
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าหลาย ๆ ประเทศจะไม่ต้องการให้ความขัดแย้งบานปลายออกไปมากกว่านี้ แต่การระเบิดในครั้งนี้นั้น เกิดขึ้นในเคหสถาน ในสถานที่ทำงาน และในชุมชนอย่างชัดเจน อีกทั้งยังทำให้ประชาชนจำนวนมาก หลายพันคนได้รับบาดเจ็บไปด้วย ซึ่งนี่จะสร้างแรงกดดันต่อฝ่ายการเมืองให้ทำการตอบโต้อิสราเอลอย่างรุนแรง ซึ่งนี่จะสร้างความกังวลให้หลายฝ่ายเป็นอย่างมาก
เมื่อถามว่าสหรัฐยังมีอิทธิพลในการยุติความขัดแย้งในภูมิภาคนี้อยู่หรือไม่ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ สหรัฐพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการประสานกับประเทศอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการเจรจาหยุดยิงชั่วคราว แต่ยังทำไม่สำเร็จ และถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์ล่าสุด
รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการโต้ตอบกันไปมา และทำให้เกิดการไต่ระดับความขัดแย้งโดยไม่มีใครสามารถเข้าไปสกัดยับยั้งได้ ถึงแม้จะเป็นประเทศมหาอำนาจก็ตาม สร้างความกังวลมาตั้งแต่ต้น
แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้นั้น เป็นการตอกย้ำความเชื่อของนักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ว่า ในท้ายที่สุดแล้ว สถานการณ์ก็จะบานปลายอยู่ดี ซึ่งการโต้ตอบกันไปมานั้น อาจจะทำให้เกิดขอผิดพลาด จนทำให้เกิดการยกระดับความขัดแย้งได้ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ สุดท้ายแล้ว ก็จะไม่มีทางเลือกมากนัก และทั้ง 2 ฝ่ายก็จะเข้าสู่สมรภูมิที่ใหญ่ขึ้น
แต่ว่าสหรัฐเองก็ทราบดี และออกมาเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ยับยั้งชั่งใจในการยกระดับการทำสงคราม เพื่อมิให้เกิดความสูญเสียขึ้น ในขณะที่ รมว. กลาโหมของอิสราเอล ออกมาแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้อิสราเอลยกระดับการทำสงครามขึ้น
เมื่อถามว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น รศ.ดร.ปณิธานกล่าวว่า หลายฝ่ายยังมีความหวังที่จะมีการหยุดยิงเกิดขึ้น โดยหลายฝ่าย เช่นอียิปต์ที่จะผลักดันให้เกิดการเจรจาพักรบและหยุดยิง และการเจรจาเพื่อการเข้าพื้นที่เพื่อการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งก็คงจะเกิดขึ้นเช่นกัน
แต่ในขณะเดียวกัน ระยะที่ประชิดตัวมากกว่านี้คือการโต้ตอบล้างแค้นระหว่างอิสราเอลกับศัตรูของอิสราเอล เช่นอิหร่าน เลบานอน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ หรือกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งเป็นฉากทัศน์ที่หลาย ๆ ฝ่ายเชื่อว่าจะเกิดขึ้น
ซึ่งสุดท้ายแล้วการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของอิสราเอลในอนาคตที่อาจจะทำให้ภาพรวมของความขัดแย้งเปลี่ยนไป ซึ่งหลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอิสราเอลซึ่งในขณะนี้ดูเหมือนจะตั้งใจทำสงครามมากกว่าอิหร่าน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ด้วยซ้ำไป
—
สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางล่าสุดนั้น เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2567 กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) เปิดฉากโจมตีเลบานอนด้วยฝูงเครื่องบินรบ โดยนายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวก่อนที่จะมีการเปิดฉากโจมตีว่าอิสราเอลเตรียมเปิดฉาก “ยุคใหม่ของสงคราม” ในดินแดนทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นอาณาเขตของอิสราเอลที่ติดกับเลบานอน อีกทั้งยังเคลื่อนย้ายกำลังทหารขึ้นสู่ตอนเหนือของประเทศด้วย