อินโด-ไทย-จีน รุมแย่ง ตลาดยานยนต์ในเวียดนาม ‘สคต.’ ชี้ราคารถยนต์ที่ผลิตในเวียดนามมีราคาแพงเกินไป เปิดช่องให้ต่างชาติเข้าแย่งตลาดในเวียดนาม
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคต.) รายงานว่า ใน 6 เดือนแรกของปี 2567 ตลาดรถยนต์ในเวียดนามมีการลดราคาขาย และลดภาษีลง ทำให้มีความต้องการในการนำเข้ารถยนต์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลเสียกับยอดขายรถยนต์ที่ผลิตในเวียดนามด้วยเช่นกัน
โดยในช่วงเวลาดังกล่าวเวียดนามนำเข้ารถยนต์มากถึง 74,585 คัน เพิ่มขึ้น 5.2% แต่มีมูลค่าลดลงถึง 6.4% มีมูลค่า 1,550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 56,361 ล้านบาท) เมื่อเทียบช่วงเดียวกัน และเวียดนามนำเข้ารถยนต์จากอินโดนีเซีย, ไทย และจีนมากที่สุด คิดรวมกันเป็น 95.55% ของรถยนต์นำเข้าทั้งหมด
เวียดนามนำเข้ารถยนต์จากอินโดนีเซียมากเป็นอันดับ 1 นำเข้ารถยนต์ทั้งหมด 32,797 คัน เพิ่มขึ้น 26% และมีมูลค่ามากกว่า 478.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 17,395 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 7.7%
ส่วนไทยตามมาเป็นอันดับ 2 นำเข้า 23,736 คัน ลดลง 26% มีมูลค่า 463 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 16,835 ล้านบาท) ลดลง 31%
อันดับ 3 คือจีน นำเข้า 4,729 คัน เพิ่มขึ้น152% มูลค่า 455.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 16,574 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 103%
โดยมีสาเหตุจากการที่เวียดนามกำลังทยอยลดภาษีนำเข้าลง จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่เวียดนามนำร่วมกับอาเซียน ซึ่งถึงแม้ว่าจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภคในตลาดยานยนต์เวียดนามมากขึ้น แต่ก็ทำให้รถยนต์ที่ผลิตในเวียดนามแข่งขันได้ยาก เนื่องจากมีราคาสูงเกินไป
สคต. ให้ความเห็นว่า ในเดือนมิถุนายน 2567 ตลาดรถยนต์ของเวียดนามยังคงซบเซา เนื่องจากผู้บริโภคยังคงรอนโยบายลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสำหรับรถยนต์ที่ประกอบในเวียดนามนี้ ซึ่งแม้ว่าการบริโภคจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
รัฐบาลเวียดนามเตรียมออกมาตรการลดค่าจดทะเบียนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศลง 50% ซึ่งคาดว่าจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 67 – 31 ม.ค. 68
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังของเวียดนามได้หารือเพื่อสรุปและเสนอต่อรัฐบาลเพื่อประกาศใช้คำสั่งเกี่ยวกับค่าจดทะเบียนรถยนต์ประเภทรถยนต์ที่ผลิตในประเทศที่จะลดลง 50% และคาดว่าจะบังคับใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ถึง 31 มกราคม 2568
ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นความต้องการยานยนต์ที่ผลิตในเวียดนามของผู้บริโภค ส่งเสริมยอดขายรถยนต์ และผลักดันเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะของภาคการผลิตรถยนต์ของเวียดนาม
อย่างไรก็ดีลดราคาเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์นำเข้า ได้ส่งผลให้ปริมาณรถยนต์นำเข้าในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยและต่างชาติที่ส่งออกสินค้ารถยนต์ ส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ต่างๆ