อย่าเกรงใจสหรัฐ-จีนมากไป ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ เผยผลกระทบจากการเดินทาง ไปเยี่ยม 40 อุยกูร์ที่จีนของ ภูมิธรรม-ทวี

สืบเนื่องจากกรณีที่รัฐบาลไทย ตัดสินใจส่งตัวชาวอุยกูร์ที่ถูกกักขังอยู่ในประเทศไทย ข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมานานกว่า 10 ปี กลับสู่ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มาของกลุ่มคนเหล่านั้น แต่ก็ทำให้สหรัฐ และสหภาพยุโรปออกมาประณามไทยในประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน

ซึ่งภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว. ยุติธรรม เตรียมนำคณะเจ้าหน้าที่ความมั่นคง และสื่อมวลชน เดินทางไปเยี่ยมชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์เหล่านั้นที่เมืองคาซือ มณฑลซินเจียง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 18 – 20 มี.ค. 2568

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง การเดินทางของรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านพร้อมสื่อมวลชนจะช่วยแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติได้ ถ้าหากว่าไทยสามารถยืนยันความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ทั้ง 40 ครอบครัวนี้ได้

และเป็นสิ่งที่สมควรแล้วที่ไทยควรจะเดินทางไปพิสูจน์ให้เห็น เนื่องจากว่าในเวลานี้จีนเองก็เปลี่ยนไปมากแล้ว จีนมีความสมัยใหม่ขึ้นมาก ซึ่งรวมไปถึงในซินเจียง และวิถีชีวิตของชาวอุยกูร์ในจีน ซึ่งจะเห็นได้จากคลิปวีดีโอต่าง ๆ ที่ถูกเผยแพร่ผ่านสำนักข่าวซินหัว (สื่อในการควบคุมของรัฐบาลจีน) ที่ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่าเป็นการจัดฉาก มีความทันสมัย และเป็นระเบียบเรียบร้อย

อย่างไรก็ดี การเดินทางไปในครั้งนี้ ก็เป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนจะควบคุมคณะของไทย ให้เดินทางไปเฉพาะสถานที่ที่เขาอยากจะให้ไป ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะไปที่ประเทศใด ก็จะได้รับการปฎิบัติเช่นนี้ สมัยที่ตนเองเดินทางไปญี่ปุ่น, อิสราเอล และฟิลิปปินส์ ก็เป็นเช่นนี้

ทั้งนี้ ในเวลานี้ ไทยกำลังถูกใช้มาตรการที่รุนแรง ที่เป็นความเป็นความตายของคนไทยด้วย ถ้าหากถูกตัดความช่วยเหลือหลายอย่าง โดยในวันนี้ Voice of America (VOA) ถูกปิดไปแล้ว และจะมีตามมาอีกหลายระลอก มีการเตรียมการตั้งกำแพงภาษีสินค้าใส่ไทย และการเจรจาการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป จะถูกถ่วงให้ช้าลงไปอีก

อย่างไรก็ดี การค้าเสรีในแบบเดิมก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เราจะไม่เจรจาต่อก็ยังได้ แต่เรื่องนี้จะทำให้ไทยมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ ซึ่งเรื่องนี้สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการต่อรองกับจีน เพื่อขอเข้าไปดูครอบครัวของชาวอุยกูร์ทั้ง 40 ครอบครัวให้ครบ แล้วเราจะกลับมาดูใหม่อีกครั้งในอีก 6 เดือน และ 12 เดือนข้างหน้า

ซึ่งเรื่องนี้ จีนน่าจะยินยอม แต่ถ้าจีนไม่ยินยอม เราก็ถอยกลับมาตั้งหลักกันใหม่ว่าจีนไม่จริงใจกับไทย หรือใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ของประเทศไทยจากจีนให้มากกว่านี้ และนอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาส่งกลับไปยังจีน

ทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เราต้องเปิดการเจรจารอบใหม่นับตั้งแต่วันนี้ และเราจะต้องหาจุดสมดุลที่พอดี ๆ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ไม่ละโมบโลภมาก แต่นี่คือสิ่งที่ยากที่สุด การกระทำแบบสุดโต่งนั้นง่าย

รศ.ดร.ปณิธานย้ำว่า อย่าเกรงใจสหรัฐ หรือจีนมาก ประเทศไทยต้องไม่เกรงใจชาติมหาอำนาจ เพื่อการสมดุลขั้วอำนาจบนเวทีภูมิรัฐศาสตร์ให้ได้