
ถ้าเป็นกลางไม่ได้ ก็ให้คนมาทำแทน ‘ลอรี่’ รองโฆษก รทสช. ออกมาวิพากษ์ ‘หมออ๋อง-ก้าวไกล’ ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ไม่ยอมให้สมาชิกอภิปรายข้อมูล ทั้งที่เพิ่งพูดไป 10 นาทีจากสิทธิ 15 นาทีเท่านั้น
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ หมออ๋อง-ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ใช้อำนาจแทรกตัดบทไม่ให้นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายลงรายละเอียดในกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดระเบียบสายไฟฟ้า และสายสื่อสาร และการบริหาร การจัดการไฟฟ้าส่องสว่าง เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567
เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567 ลอรี่-พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรค รทสช. กล่าวว่าการอภิปรายของนายอัครเดชนั้นเป็นไปตามกรอบเวลา และถูกต้องตามข้อบังคับ แต่การใช้อำนาจของนายปดิพัทธ์นั้น ไม่มีความเหมาะสม อีกทั้งยังไม่เคยมีประธานในที่ประชุมคนใดเคยทำมาก่อนในประวัติศาสตร์
และการกระทำของประธานฯ ส่อเข้าข่ายผิดข้อบังคับการประชุมข้อ 9 วรรค 1 ที่ระบุไว้ชัดว่าประธานฯ ต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ แต่นายปดิพัทธ์นั้นกลับใช้อำนาจกลั่นแกล้งปิดปาก อ้างผู้อภิปรายพูดร่ายยาวซ้ำซาก
นายพงศ์พลกล่าวว่าตนเองได้ย้อนกลับไปฟังการอภิปรายซ้ำ พบว่านายอัครเดชอภิปรายย้ำถึงการนำสายไฟสื่อสารลงใต้ดินประหยัดงบประมาณได้หลายสิบล้านพูดตัวเลข 70-80 ล้านบาทเพียงไม่กี่ครั้ง เนื่องจากเป็นข้อมูลสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการประหยัดงบประมาณของรัฐได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้อภิปรายได้รับสิทธิให้อภิปราย 15 นาที แต่นายอัครเดชได้อภิปรายเพียง 10 นาที ก็ถูกประธานฯ ใช้อำนาจตัดบท
“ขณะนั้นผู้อภิปรายใช้เวลาไปยังไม่ถึง 10 นาที จากสิทธิอภิปรายเต็ม 15 นาที ถูกหลักเกณฑ์ทุกอย่าง แต่ไม่เข้าใจเหตุใดประธานที่ประชุมจึงใช้อำนาจตัดบทเช่นนี้” นายพงศ์พลกล่าว
นายพงศ์ผลกล่าวว่า หน้าที่ของประธานในที่ประชุมคือการอำนวยการให้การประชุมมีความราบรื่น แต่ไม่มีอำนาจมาออกความเห็นแทรกแซงเนื้อหา เซนเซอร์เนื้อหา หรือคิดแทนผู้อภิปราย ถึงจะมีเรื่องส่วนตัวกับนายอัครเดชมาก่อนจากการอภิปรายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ไม่ควรนำอารมณ์ส่วนตัวมาลงตรงนี้ เพราะจะทำให้สภาสูญเสียความน่าเชื่อถือ และประชาชนถูกปิดกั้นจากการได้รับข้อมูลที่รอบด้านจากทั้งสองฝ่าย
“เมื่อมานั่งเก้าอี้ประธานสภาฯ แล้ว จงวางหมวกนักการเมืองทิ้งไว้นอกห้องประชุม แล้วจงวางตัวทำหน้าที่ให้เป็นกลาง ถ้าทำไม่ได้ลงไปนั่งข้างล่าง แล้วให้คนมีวุฒิภาวะดีกว่าขึ้นมาทำแทนดีกว่า” นายพงศ์พลกล่าว