
ประธาน Huawei เตือน สิบปีต่อไปคือความยากลำบาก หลังเข้ายุคเศรษฐกิจโลกถดถอย
เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้ง Huawei เตือนถึงอนาคตของบริษัท ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจของจีนและเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ในบันทึกข้อความภายในที่รั่วไหลออกไป โดยมีเนื้อหาที่ระบุว่า
“ทุกคนจะได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า บริษัทจะต้องมุ่งเน้นไปที่ผลกำไรเหนือกระแสเงินสดและการขยายธุรกิจ หากต้องการจะอยู่รอดได้ในอีกสามปีข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าจะมีการเลิกจ้างและลดการลงทุนเพิ่มเติม”
“ทศวรรษหน้าจะเป็นช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่แสนเจ็บปวด เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงถดถอยอย่างต่อเนื่อง” เหรินกล่าว โดยหยิบยกตัวอย่างการระบาดของโควิด-19 ตลอดจนผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ ‘การกีดกันทางการค้า’ โดยสหรัฐฯ ต่อธุรกิจบางอย่างของจีน”
“Huawei จะต้องเลิกคาดการณ์อนาคตในแง่ดีเกินจริง ไปจนถึงปี 2023 หรือกระทั่งปี 2025 เราต้องนำแนวคิดการเอาชีวิตรอดมาเป็นตัวนำทางบริษัท ซึ่งเราไม่เพียงแต่จะต้องอยู่รอดให้ได้แต่จะต้องอยู่รอดอย่างมีคุณภาพด้วย”
“เอาตัวรอดและหาเงินเพียงเล็กน้อยในช่องทางที่เราสามารถทำได้ ซึ่งจากมุมมองนี้ เราจำเป็นต้องปรับโครงสร้างตลาดและศึกษาสิ่งที่สามารถทำได้และสิ่งที่ควรตัดทิ้งไป”
บันทึกข้อความภายในฉบับนี้ กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลมีเดียของจีน มีการแชร์และถกกันถึงประเด็นนี้ โดยผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากกว่า 100 ล้านคน โดยบางคนแสดงความวิตกว่าสิ่งนี้จะกระทบต่อคนทั่วไปและธุรกิจขนาดเล็กขนาดไหน จากการที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei ได้เริ่มออกมาส่งสัญญาณเตือน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของจีนถูกแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ เช่น มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด วิกฤตอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ย่ำแย่ ซึ่งคาดว่าจีนจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5.5% ในปีนี้ ตามที่ได้คาดการณ์ไว้
ในขณะที่ Huawei กำลังหามาตรการในการรับมือกับปัญหาเรื่องรายรับและผลกำไรที่ลดลงอย่างมาก โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้ลดลงถึง 14% และอัตรากำไรสุทธิหดลงเหลือ 4.3% จาก 11.1% ในปีก่อนหน้า
ยึดยาบ้า 1,360,000 เม็ด กองกำลังผาเมืองเข้าปะทะขบวนการยาเสพติด ที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
ผลตรวจสอบการซื้อตีพิมพ์ผลงาน พบเข้าข่ายต้องสงสัย 33 คน ใน 8 มหาวิทยาลัย จาก 34 มหาวิทยาลัย
ช้างที่เคยฝากเอาไว้ ช่วยย้ายไปที่เหมาะสมด้วย ‘หนูนา’ตอบรับ ‘แสงเดือน’ ย้ายช้างออกทันควัน ยันไม่ได้ฝากเฉย ๆ ให้การสนับสนุนทุกอย่าง
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม