
Here We Go (62) ก้าวไกลกับการหาเสียงดูถูกทหารไทย วิเคราะห์กระแสแต่ละพรรค : เพื่อไทยสะดุดเงินดิจิตัล ส่วนก้าวไกลกระแสกำลังมา ขณะที่ฝั่งรัฐบาลยังน่าหนักใจ ยกเว้นภูมิใจไทย
สัปดาห์นี้อยากมองที่พรรคก้าวไกลของคณะคุณธนาธรที่กำลังฮึกเหิมเป็นพิเศษอันเนื่องมาจากผลโพลหลายสำนักออกมาว่าคะแนนเสียงของพรรคดีวันดีคืน บางสำนักยกให้คุณพิธาขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ที่จะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเหนือคุณอุ๊งอิ๊งจากพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ
กลุ่มโปลิตบูโรประเมินว่า เป็นผลมาจากการใช้สื่อออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพส่งสัญญาณถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเยาวชนและคน Gen Z ลงไป ซึ่งไม่ได้เพิ่งมาทำ แต่ทำมาต่อเนื่อง เพื่อต้องการผลในการเลือกตั้งครั้งนี้
เนื้อหาที่สื่อถึงกลุ่ม Gen Z จะวนเวียนเรื่องเปลี่ยนแปลงประเทศ เน้นไปที่แก้ไขมาตรา 112 ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ล้างระบบทหาร ล้างระบบราชการ ล้างทุนผูกขาดอำนาจนิยม
มองว่าเหล่านี้คือปัญหาของประเทศ เป็นภาระของงบประมาณ ต้องเพิ่มอำนาจให้ประชาชน สร้างสิทธิเท่าเทียมกันของทุกคน ทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ
แต่การหาเสียงในพื้นที่สาธารณะของ ส.ส.แบบแบ่งเขต เลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องยกเลิกมาตรา 112 หลีกเลี่ยงที่จะต้องตอบคำถามของคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะกลุ่ม Gen X ขึ้นไปที่ผูกพันและเติบโตมากับสถาบันพระมหากษัตริย์
เคยได้ยินคุณพิธา อดีตนักธุรกิจที่มารับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้เหตุผลที่ต้องแก้ไขมาตรา 112 เพราะมีบทลงโทษหนัก แถมถูกรัฐบาลนำไปกลั่นแกล้งดำเนินคดีกับเยาวชนหลายรายที่มีความเห็นต่างทางการเมือง
ซึ่งคุณพีระพันธุ์ อดีตผู้พิพากษาที่ผันตัวมาเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เหตุผลแย้งตามมิติของกฎหมายว่า โทษสูงเพราะสถานะของพระมหากษัตริย์ถือเป็นประมุขของชาติ อยู่ในหมวดความมั่นคงเหมือนกฎหมายสากลทั่วโลก
มาตรา 112 ไม่ได้เป็นปัญหา ถ้าไม่มีคนทำผิดล่วงละเมิดมาตรา 112 ก็อยู่เฉยๆ เป็นจริงอย่างที่คุณพีระพันธุ์ว่า ถ้าคุณพิธาเห็นว่าการใช้กฎหมายของรัฐบาลเป็นปัญหาก็ควรไปแก้ที่รัฐบาล แต่ข้อเสนอของพรรคก้าวไกลเหมือนกับจะสื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นปัญหา แล้วไม่กล้าบอกออกอากาศตรงๆ
เหมือนกับ ที่คุณพี่วินมอเตอร์ไซค์ถามคุณธนาธรเจ้าของพรรคก้าวไกลว่า สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่มาตั้ง 7-800 ปี ไม่เคยมีปัญหาจะต้องไปแก้ไขทำไม ความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับราษฎรก็ดีอยู่แล้วจะต้องไปแก้ไขทำไม คุณธนาธรก็ตอบไม่ได้ อันนี้ก็น่าคิด
ต้องลองไปนับดูสถิติที่เยาวชนถูกดำเนินคดีที่มีการให้ร้ายประมุขของชาติไทย ไม่ว่าจะโดยมาตราของกฎหมายใด น่าจะมีมากขึ้นช่วงหลังที่มีกลุ่มนักวิชาการทั้งในไทยและจากต่างประเทศที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล ออกมาให้ข้อมูลที่มีเจตนาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์
บวกกับนักการเมืองบางคนสนับสนุน ยุยงอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีเยาวชนตกเป็นเหยื่อหลายราย แล้วยังใจร้ายนำผลพวงที่เกิดกับเยาวชนไปหาประโยชน์ฟ้องร้องกับองค์กรต่างประเทศเพียงเพื่อต้องการล้มระบอบสนองอุดมการณ์ความคิดความเชื่อของพวกตนเท่านั้น
สงสารแต่พ่อแม่ของเหยื่อเยาวชนที่ไม่รู้เรื่องต้องคอยทำมาหาเลี้ยงชีพครอบครัวและลูกต้องมารับผลที่คนอื่นกระทำต่อลูกของตน ภาพที่คุณพ่อคุณแม่ของเหยื่อพ่นสีข้างกำแพงพระบรมมหาราชวังต้องไปทำพิธีสำนึกผิดแทนลูก จุดธูปไหว้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาประเทศนี้ไว้ เห็นแล้วสะท้อนใจ ขณะที่คณะโปลิตบูโรของพรรคไม่เคยคิดแม้แต่จะออกมาขอโทษต่อผู้ปกครองของเหยื่อเลยสักนิด
ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเยาวชนเหล่านี้ก็ไปตามเวทีหาเสียงใหญ่ๆ ของพรรคการเมืองที่มีจุดยืนเรื่องมาตรา 112 ตรงข้ามพรรคก้าวไกล
ใช้วิธีการบุกเข้าถึงหัวหน้าพรรคการเมือง ไปสอบถามถึงนโยบายยกเลิกมาตรา 112 สร้างความปั่นป่วน เพื่อนำภาพความวุ่นวายมานำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ ทำลายภาพลักษณ์ของพรรคการเมืองของพรรคนั้นๆ แม้ว่าบางคนยังมีคดีติดตัวก็ตาม
นี่คือผลผลิตที่ตกเป็นทาสความคิดของนักวิชาการและนักการเมืองที่ต้องการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์โดย อาศัยสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้
———-
ก้าวไกลกับการหาเสียงดูถูกทหารไทย
———-
สถาบันทางทหารที่อยู่คู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่สร้างประเทศก็เช่นกัน พรรคก้าวไกลรณรงค์เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหาร ตัวหัวหน้าพรรคยิ่งแล้วใหญ่กล่าววาจาปราศรัยดูถูกด้อยค่าทหารไทยอยู่เสมอ
คำหนึ่งก็ว่าทหารไม่จำเป็น มีไว้ไม่รู้จะไปรบกับใคร คำหนึ่งก็ด้อยค่าว่าจะรบชนะใครได้บ้าง คำหนึ่งก็ว่าไม่มีประโยชน์เสียงบประมาณ นี่คือวิสัยทัศน์คือวาทะของผู้ที่จะมาเป็นผู้บริหารประเทศ โดยดูถูกเหยียดหยามสถาบันหลักของชาติตัวเอง สร้างความรู้สึกแตกแยกในหมู่ชนทันที
เหล่าทหารที่เขาทำหน้าที่อยู่แนวหน้าหรือในพื้นที่มีภัยคงเบื่อกับคำพูดของนักการเมืองพวกนี้ ในยามที่เกิดวิกฤตในประเทศไม่ว่าน้ำท่วม ไฟไหม้ ภัยแล้ง โรคระบาดใหญ่ เห็นแต่เหล่าทหารทั้งนั้นที่ออกมาช่วยประชาชน ไม่เคยเห็นหน้านักการเมืองเหล่านี้เลย
มีแต่พระราชา พระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงเสด็จเยี่ยมเยียนถึงหน่วยถึงพื้นที่ชายแดน พระราชทานของขวัญในทุกโอกาสสำคัญ พระราชทานของเยี่ยมให้กำลังใจในยามบาดเจ็บ พระราชทานความช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เสมอมา เป็นมิ่งขวัญเป็นพลังใจให้เหล่าทหารทำหน้าที่คอยปกป้องดูแลประชาชนของพระองค์มายาวนาน
คนที่ดูถูกให้ร้ายสถาบันหลักของประเทศแบบนี้ บางประเทศเขามีกฎหมายเอาผิด บางประเทศหนักกว่านั้นนอกจากถูกดำเนินคดีแล้วยังถูกถอนสัญชาติด้วยซ้ำ
———-
เพื่อไทยสะดุดเงินดิจิทัล – ก้าวไกลกระแสกำลังมา
———-
สรุปการเลือกตั้งจนถึงอาทิตย์นี้ เหล่าพวกเราที่จะมีสิทธิ์กาบัตรในวันที่ 14 พฤษภาคม คงพอมองเห็นภาพการหาเสียง นโยบายของแต่ละพรรค ความนิยมในพื้นที่จริง ความนิยมในสื่อสังคมออนไลน์ ผลโพลของแต่ละสำนัก กลยุทธ์เฉพาะในเขตเลือกตั้ง การทำงานของพรรคที่ปล่อยทีเด็ดของพรรคออกมาเป็นคลิปหรือภาพนิ่ง
ลองมาไล่เรียงกันแต่ละพรรค ดูที่เพื่อไทยในฐานะเต็งหนึ่ง ก็ยังเต็งหนึ่งไม่เปลี่ยนแปลง ปัญหาคือความนิยมเริ่มนิ่งไม่พุ่งขึ้น นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทไม่ทำงานเท่าที่ควร ถูกด้อยค่าตั้งคำถามถึงผลเสียต่อส่วนรวมมากกว่าผลดี จนต้องชักใบเหลืองให้ผู้สมัครเร่งทำงานหนักมากกว่านี้
ด้านตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกลายเป็นว่าถูกคุณพิธานำหน้าในบางโพล ทำให้ยังห่างไกลจากแลนด์สไลด์ 310 เสียง จะถึง 200 หรือเปล่าก็ยังไม่รู้
มาถึงพรรคก้าวไกล กำลังฮึกเหิมสุดๆ โพลหลายสำนักบอกว่าเป็นพรรคอันดับสองเขี่ยภูมิใจไทยไปลงไปอยู่ที่สาม พลังเยาวชน นักศึกษา คนหนุ่มสาววัยทำงาน จำนวนคนในการปราศรัยที่สามย่านทำให้ก้าวไกลคึกคักและมีความหวังอย่างที่สุด
อย่างที่บอกเวลานี้ก้าวไกลครองความนิยมในโพลและสื่อออนไลน์ ส่วนในโลกจริงที่ใครก็รู้ว่าจะไม่เป็นไปตามโพลหรือกระแส ก้าวไกลจะแปลงมาเป็นคะแนนของตัวเองได้อย่างไร
———-
ฝั่งรัฐบาลยังน่าหนักใจ ยกเว้นภูมิใจไทย
———-
ถัดมาพรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคเต็งสอง มาเงียบๆ มาหนักแน่นในพื้นที่อีสาน รุกเข้าไปในภาคใต้และ กทม. พลัง อสม.ที่ทำชื่อตอนโควิดและภูมิใจไทยตอบแทนคุณงามความดีมาโดยตลอด เป็นคลื่นลูกใหญ่ที่อาจกวาดคะแนนในบางพื้นที่ให้ภูมิใจไทยเป็นผู้ดับความฝันแลนด์สไลด์ของเพื่อไทยโดยเฉพาะการเข้าตีในภาคอีสาน
ส่วนพลังประชารัฐ ลำบากเหมือนเดิม นโยบายสมานฉันท์ขายไปไม่มีคนซื้อ คำตอบที่บอกคนรุ่นใหม่ว่าคุณประวิตรไม่ได้เป็นคนทำปฏิวัติ ไม่มีใครเชื่อ เพราะความจริงที่เกิดขึ้นมันฟ้อง แม้จะมีเพจดังๆ พยายามออกมาช่วย แต่ก็ไม่ดีขึ้น เพราะประเมินแบบเข้าข้าง จึงขาดความน่าเชื่อถือ
ที่นั่งใน กทม. ที่เคยได้ ก็ได้มาเพราะคุณประยุทธ์ คราวนี้อาจสูญพันธุ์ใน กทม. ขณะที่เพื่อไทยก็ไม่ค่อยเชื่อแล้วว่าคุณประวิตรจะพาคุณทักษิณกลับบ้านได้ อาจแพ้ทั้งเลือกตั้งและไม่ได้เป็นรัฐบาล
หันมาดูประชาธิปัตย์ ยังไม่สามารถเรียกความนิยมกลับมาได้อย่างที่ตั้งความหวัง การสูญเสียสมาชิกอาวุโสไปให้กับพรรคอื่นๆ ส่งผลต่อการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
คุณอภิสิทธิ์ยังไม่สามารถดึงคะแนนมาได้แม้จะลงพื้นที่หลายจังหวัด แต่การตอบรับไม่เห็นถึงตัวคะแนนที่จะได้ แฟนเก่าของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยังเชื่อมั่นในตัวคุณชวน อาจพอทำให้คะแนนบัญชีรายชื่อดีขึ้นได้บ้างจาก กทม.และภาคใต้ ต้องทำงานหนักมากกว่านี้อีกมาก
สุดท้ายพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับแฟนคลับของคุณประยุทธ์ได้สมใจนึก เป็นรองทางกระแสและโพลให้กับเพื่อไทยและก้าวไกล
เรื่องผลงาน 8 ปีที่ผ่านมา ทุกพรรครู้ว่าเป็นจุดแข็งของคุณประยุทธ์เพราะคือการทำให้ประเทศไทยดีขึ้นในเกือบทุกด้าน รับมือกับวิกฤติได้ทุกเรื่อง มีผลการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านมากมาย ได้รับคำชื่นชมยอมรับจากนานาชาติทั้งการเมืองระหว่างประเทศ การสาธารณสุข การฟื้นฟูเศรษฐกิจ
แต่จุดอ่อนคือ คุณประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีมานานมาก ทำให้กระแสมองข้ามสิ่งที่คุณประยุทธ์ทำให้ประเทศไทย คนยังเชื่อมั่นคุณประยุทธ์ที่พรรคใดทำลายไม่ได้คือเรื่องการสร้างความมั่นคง การรักษาความสงบ รักษาบ้านเมือง รักษาสถาบันหลักของชาติ ถ้าจะทำให้เป็นพรรคอันดับสองได้ก็ต้องแปลงผลงานที่ผ่านมาให้เป็นคะแนนเสียงให้ได้
———-
รอดูโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง
———-
มาถึงวันนี้เชื่อว่าทุกคนมองเห็นภาพชัดแล้วว่าพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย ก้าวไกล พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และรวมไทยสร้างชาติ คือพรรคหลักที่จะเกิดการต่อรองตั้งรัฐบาลในอนาคต ส่วนจะเป็นพรรคใดจับขั้วกับพรรคใด ทุกพรรคตอบแบบไม่ให้มีข้อผูกมัดกับตัวเองเกือบทั้งหมด
จะมีแตกต่างก็พรรคก้าวไกล ที่ชัดมากกว่า ไม่ร่วมกับกับพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติเพราะเป็นพรรคสืบทอดอำนาจ เป็นเผด็จการ อีกด้านพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติก็ชัดเจนว่าไม่ร่วมกับก้าวไกลที่มีนโยบายปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ขณะที่พรรคเล็กๆ ที่เหลือไม่อาจมองข้าม เพราะพวกเขาเป็นปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลผสมมีเสียงสนับสนุนที่มั่นคงยิ่งขึ้น ถ้าดูรูปการณ์เวลานี้ หลักการตั้งรัฐบาลไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยังอยู่ที่ขั้วรัฐบาลกับขั้วฝ่ายค้านเดิมจะแข่งขันกัน ใครรวมได้เกิน 250 เสียงก่อนก็มีโอกาสเป็นรัฐบาลมากกว่า ก้าวสู่สองอาทิตย์สุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งเมื่อใด จะทำให้เห็นตัวเลขของแต่ละพรรคได้ชัดมากขึ้น อย่าลืมรอดูตัวเลขจริงในพื้นที่