
ร้องสหรัฐกดดันอิสราเอล ไม่ให้โจมตีแหล่งน้ำมันอิหร่าน ชาติอาหรับหวั่นสถานการณ์บานปลาย ทำราคาน้ำมันพุ่ง
ชาติอาหรับกำลังล็อบบี้รัฐบาลสหรัฐให้ห้ามอิสราเอลไม่ให้โจมตีแหล่งน้ำมันในอิหร่าน เนื่องจากเกรงว่าแหล่งน้ำมันของพวกเขาอาจถูกโจมตีโดยกลุ่มที่อิหร่านหนุนหลัง หากความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น
แหล่งข่าวจากประเทศอาหรับ 3 ราย กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ในความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกโจมตี ยังทำให้ประเทศต่างๆ ในอ่าวอาหรับ เช่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ ปฏิเสธที่จะให้อิสราเอลบินผ่านน่านฟ้าของตนเพื่อโจมตีอิหร่าน และได้แจ้งเรื่องนี้ให้สหรัฐฯ ทราบแล้ว
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลประกาศว่าอิหร่านจะต้องชดใช้ต่อค่าเสียหายจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่อิหร่านก็เตือนว่าจะเอาคืนอย่างหนักหากอิสราเอลตอบโต้มา ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสงครามจะขยายวงกว้างซึ่งในที่สุดอาจดึงสหรัฐเข้าสู่ความขัดแย้ง
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศอาหรับดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่อิหร่านซึ่งเป็นชาติมุสลิมชีอะห์พยายามโน้มน้าวให้เพื่อนบ้านกลุ่มประเทศอาหรับซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิมซุนนี โน้มน้าวสหรัฐให้ใช้อิทธิพลต่ออิสราเอล ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่าอิสราเอลอาจโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันของอิหร่าน
เจ้าหน้าที่ระดับสูง และแหล่งข่าวทางการทูตอิหร่าน กล่าวกับรอยเตอร์ที่การประชุมในสัปดาห์นี้ว่า อิหร่านได้เตือนซาอุดีอาระเบียว่าไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของแหล่งผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียได้ หากอิสราเอลได้รับความช่วยเหลือในการโจมตีอิหร่าน
“อิหร่านเตือนว่า หากกลุ่มประเทศอาหรับเปิดน่านฟ้าให้อิสราเอล นั่นจะถือว่าเป็นการก่อสงคราม’” อาลี ชิฮาบี นักวิเคราะห์ชาวซาอุดีอาระเบียซึ่งใกล้ชิดกับราชสำนักซาอุดีอาระเบีย
แหล่งข่าวทางการทูตกล่าวกับรอยเตอร์ด้วยว่า อิหร่านได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงซาอุดีอาระเบียว่า บรรดาพันธมิตรของตน เช่น อิรัก และเยเมน อาจตอบโต้กลับหากประเทศในภูมิภาคนี้ให้การสนับสนุนอิสราเอลโจมตีอิหร่าน
แหล่งข่าวจากอ่าวอาหรับและอิหร่าน กล่าวกับรอยเตอร์ว่า การโจมตีของอิสราเอลที่อาจเกิดขึ้นนั้นเป็นประเด็นสำคัญในการหารือกันระหว่างมกุฏราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย กับอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนกลุ่มประเทศอาหรับเพื่อขอการสนับสนุนจากชาติอาหรับ
การเยือนกลุ่มประเทศอาหรับของรัฐมนตรีอิหร่าน ร่วมกับการสื่อสารระหว่างซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐฯ ในระดับกระทรวงกลาโหม เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันเพื่อแก้ไขวิกฤตดังกล่าว
ด้านแหล่งข่าวในสหรัฐยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จากประเทศอาหรับได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับขอบเขตการตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้นจากอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะเเสดงความเห็น เมื่อถูกถามว่าประเทศอาหรับ ได้ขอให้สหรัฐฯ โน้มน้าวอิสราเอลตามที่แหล่งข่าวระบุหรือไม่ ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธ (9 ต.ค.) เกี่ยวกับการตอบโต้ของอิสราเอลซึ่งทั้งสองฝ่ายระบุว่าเป็นไปในเชิงบวก
กลุ่มพันธมิตรประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือ OPEC ซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบีย มีกำลังการผลิตน้ำมันเพียงพอที่จะชดเชยการสูญเสียอุปทานของอิหร่านหากการตอบโต้ของอิสราเอลทำให้โรงงานบางแห่งของประเทศต้องปิดตัวลง แต่กำลังการผลิตสำรองส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ดังนั้น หากโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบียหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถูกโจมตีด้วย โลกอาจประสบปัญหาด้านอุปทานน้ำมัน
แหล่งข่าวจากประเทศอาหรับ 3 ราย ระบุว่า หากอิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่าน จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของอิหร่าน รวมถึง กมลา แฮร์ริส ผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดแครต
“หากราคาน้ำมันพุ่งสูงถึง 120 ดอลลาร์ (4,003 บาท) ต่อบาร์เรล ก็จะส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และโอกาสของแฮร์ริสที่จะชนะการเลือกตั้ง ดังนั้น สหรัฐจะไม่ยอมให้สงครามน้ำมันขยายวงกว้าง” แหล่งข่าว กล่าว
(1 ดอลลาร์ = 33.35 บาท)