
ปชป.จี้เรื่องขบวนเสด็จ แนะรัฐบาลต้องเคลื่อนไหวและบังคับใช้กฎหมายให้ดีกว่านี้ ส่วนก้าวไกลควรหยุดให้ท้ายกลุ่มทะลุวังได้แล้ว
สืบเนื่องจากกรณีการปะทะกันระหว่างกลุ่มทะลุวัง กับ ศปปส. บริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าสถานีสยาม เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 67 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับประเทศและทุกฝ่าย อีกทั้งระบุว่าจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ มาจากการที่มีบุคคลเข้าไปป่วนขบวนเสด็จฯ ดังนั้นเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเข้มแข็งทั้งในเรื่องการป้องกันและจริงจังในการบังคับใช้กฎหมาย
อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งในการปกป้องดูแลสังคมให้อยู่กันด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่โดยตรงในการกำหนดนโยบายการดูแลความสงบเรียบร้อยให้ชัดเจน แต่เหตุการณ์รุกรานขบวนเสด็จผ่านมาหลายวันกลับแทบไม่มีความเคลื่อนไหวจากรัฐบาล
จนมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่นายกรัฐมนตรีพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้ นายกรัฐมนตรีควรจริงจังหยิบยกไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ คณะรัฐมนตรีทุกคนจะต้องมีความรู้สึกกับเรื่องนี้ให้มากกว่านี้
อีกทั้งยังตั้งคำถามว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่จะถึงนี้ จะมีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาอภิปรายอย่างเป็นทางการหรือไม่ ?
นายราเมศยังได้กล่าวพาดพิงถึงพรรคก้าวไกลว่า ถึงแม้ว่าจะทำงานร่วมกันในสภาได้ แต่อุดมการณ์ในหลายเรื่องมีความแตกต่างกัน การที่มีสมาชิกพรรคก้าวไกลมาลอยหน้าลอยตาให้สัมภาษณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สังคมก็รับไม่ได้ต่อแนวคิดที่ยังเอื้ออาทรต่อผู้กระทำผิดรุกรานขบวนเสด็จฯ
อีกทั้งพรรคก้าวไกลยังออกแถลงการณ์ผิดเพี้ยนไปจากหลักความถูกต้องเพราะยังคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่เกิดขึ้นจากจิตสำนึกที่เลวร้ายที่ต้องการละเมิดกฎหมายและละเมิดสถาบันฯ อีกทั้งยังมีการสื่อสารต่อสาธารณะที่ผิดเพี้ยน ก็เป็นประเด็นที่จะสร้างความวุ่นวายไม่รู้จบ
นายราเมศกล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เก็บข้อมูลเพื่อส่งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเรื่องนิรโทษกรรม เพื่อให้มีการพูดคุยกันในเรื่องคดีที่เกี่ยวกับความผิดมาตรา 112 ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เพราะมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ จะมีการใช้กลไกรัฐสภาเพื่อพิจารณาในเรื่องมาตรการการป้องกันความปลอดภัยขบวนเสด็จ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อมิให้คนที่คิดร้ายต่อประเทศชาติย่ามใจได้อีกต่อไป