จ่อบังคับแพลตฟอร์ม ต่างชาติ เสียภาษี VAT ให้ไทย ครม. เห็นชอบ 5 มาตรการปกป้องผู้ประกอบการไทยจากการทุ่มตลาด และส่งเสริมขีดความสามารถ SMEs ไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลก
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ครม. เห็นชอบ 5 มาตรการป้องกันและปราบปรามธุรกิจขายสินค้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งประกอบด้วย
มาตรการที่ 1 ให้หน่วยงานรัฐบังคับใช้ระเบียบและกฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเพิ่มการตรวจเข้มสินค้า ณ ด่านศุลกากร เพิ่มอัตราการเปิดตู้สินค้า เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานของไทย และเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบผู้ประกอบการ หรือผู้ให้บริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย
มาตรการที่ 2 ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าในอนาคต โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลได้อย่างใกล้ชิด
มาตรการที่ 3 เรื่องภาษี จะมีการปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากร สำหรับผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าในไทย จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร
พร้อมมีการจัดอบรมให้ความรู้เชิงเทคนิคกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการยื่นคำขอและไต่สวนในการใช้มาตรการภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดและหลบเลี่ยงการตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุนมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการติดอาวุธให้แก่ผู้ประกอบการไทย
มาตรการที่ 4 มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย โดยใช้เทคโนโลยีเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ในการผลิต เพื่อขยายการส่งออกสินค้าไทยผ่านอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในยุคการค้าโลกใหม่
มาตรการที่ 5 การสร้างหรือต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าให้เพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันให้สินค้าและบริการของไทยเข้าไปอยู่ในระบบอีคอมเมิร์ซของต่างชาติได้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าอีคอมเมิร์ซระดับภูมิภาค
ซึ่งทั้ง 5 มาตรการ ได้คำนึงถึงความสอดคล้องกับความตกลงทางการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศคู่ค้า ควบคู่กับการรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภคและผู้ประกอบการไทยอย่างสมดุล
สำหรับข้อเสนอในการตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจฝ่าฝืนกฎหมาย ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมานั้น ครม. เห็นว่าควรจะรอให้ ครม. ชุดใหม่เป็นผู้พิจารณา เพื่อการกำกับดูแลหน่วยงานในแต่ละด้านอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการไทยจากการทุ่มตลาดด้วยสินค้าลดราคา และไม่ได้มาตรฐาน