
นโยบายภาษีทรัมป์กระทบ GM และผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐฯ เหตุค่ายรถสหรัฐฯ มีฐานการผลิตจำนวนมากในเม็กซิโก
แผนของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะ General Motors (GM)
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (25 พ.ย.) ว่าจะออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าจาก 3 ประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐ 3 ได้แก่ แคนาดา แม็กซิโก และจีน ตามนโยบายอเมริกามาก่อนที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ โดยจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% จนกว่าทั้งสองประเทศจะจัดการกับปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล รวมถึงปัญหาผู้อพยพ และจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10%
GM เป็นผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกันที่ส่งออกรถยนต์จากเม็กซิโกไปยังอเมริกาเหนือ ตามมาด้วย Ford และ Stellantis ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเม็กซิโกระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์ 10 อันดับแรกที่มีโรงงานในเม็กซิโก มียอดผลิตรถยนต์รวมกัน 1.4 ล้านคัน ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ โดย 90% ส่งออกข้ามพรมแดนไปยังผู้ซื้อในสหรัฐฯ
Global Data ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก เปิดเผยว่า GM จะนำเข้ารถยนต์จากแคนาดา และเม็กซิโกใน มากกว่า 750,000 คัน ในปีนี้ ซึ่งรวมถึง รถกระบะไซส์ยักษ์ Chevy Silverado หรือ GMC Sierra จำนวนเกือบ 370,000 คัน และ SUV ขนาดกลางจำนวนเกือบ 390,000 คัน
โรงงาน GM ในเม็กซิโกยังผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อีก 2 รุ่น ได้แก่ Equinox และ Blazer SUV รุ่นขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบไปด้วย หากทรัมป์ยกเลิกการให้เครดิตภาษีมูลค่า 7,500 ดอลลาร์ (2.6 แสนบาท) สำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
GM มีพนักงาน 125,000 คนในอเมริกาเหนือ การลดลงของยอดขายรถยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโก อาจส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในทั้งภูมิภาค มาตรการภาษีดังกล่าวยังจะทำให้ต้นทุนของรถยนต์ทั้งหมดที่ประกอบในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากชิ้นส่วนยานยนต์จากเม็กซิโกและแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งหมดที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยคิดเป็นมูลค่าเกือบ 100,000 ล้านดอลลาร์ (3.47 ล้านล้านบาท)
ราคาหุ้นของ GM ร่วงลง 8.2% ในช่วงบ่ายของวันอังคาร ขณะที่ Stellantis และ Ford ลดลง 5.5% และ 2.6% ตามลำดับ
(1 ดอลลาร์ = 34.72 บาท)