
เยอรมนีไม่สามารถ รับผู้อพยพเพิ่มได้อีกแล้ว เนื่องจากได้ผลาญทรัพยากรของรัฐและรัฐบาลกลาง ไปกับการดูแลผู้อพยพจนแทบจะหมดแล้ว
แนนซี ฟาเซอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของเยอรมนี กล่าวกับบรัสเซลส์ ว่า เยอรมนีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกระดับมาตรการควบคุมบริเวณชายแดนทางบกทั้งหมด เนื่องจากประเทศได้ผลาญทรัพยากรทั้งของแต่ละรัฐและรัฐบาลกลางไปกับผู้ลี้ภัยและผู้ขอสถานะผู้ลี้ภัยจนแทบจะหมดแล้ว
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ประกาศว่าเยอรมนีจะคุมเข้มพรมแดนทางบกทั่วประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยจะครอบคลุมประเทศในเขตเชงเก้น (Schengen zone) ซึ่งตามปกติแล้วเป็นพื้นที่ที่ได้อนุญาตให้เดินทางได้อย่างเสรี เพื่อจัดการกับการอพยพเข้าเมืองที่ไม่ปกติ และปกป้องประชาชนจากภัยคุกคามต่างๆ
“ไม่มีประเทศใดในโลกที่จะรับผู้ลี้ภัยได้ไม่อย่างไม่จำกัด” “เยอรมนีใกล้จะถึงขีดจำกัดในแง่ของการใช้จ่ายด้านการต้อนรับ ให้ที่พัก และดูแล… ประเทศได้ใช้ทรัพยากรทั้งของรัฐบาลกลางและของรัฐไปกับผู้อพยพจนแทนจะหมดแล้ว และมีความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่จะสร้างภาระให้กับสวัสดิการส่วนรวมมากเกินไป”
“การหลั่งไหลเข้ามาของคลื่นผู้อพยพจำนวนมากผิดปกตินั้น เป็นเรื่องที่รับไม่ได้และน่ากังวล โดยมีจำนวนถึง 50,000 คนในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2024” ฟาเซอร์ ระบุในจดหมายถึงคณะกรรมาธิการยุโรป
เหตุคนร้ายใช้มีดบุกแทงประชาชนในงานเทศกาลความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เมืองโซลิงเงน เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ขอลี้ภัย ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพในเยอรมนี