
รัฐบาลผสมเยอรมนีล่ม หลังนายกฯ ปลดรัฐมนตรีคลัง ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลชี้ ผู้นำเยอรมนีไม่มีโมเดลเศรษฐกิจใหม่ มากระตุ้นการเติบโตของประเทศในเวลานี้เลย
รัฐบาลผสมของเยอรมนีล่มในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังนายกรัฐมนตรี โอลาฟ โชลซ์ ปลดรัฐมนตรีคลังพ้นจากตำแหน่ง ส่งผลให้เกิดความโกลาหลทางการเมืองในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
หลังจากปลดรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง คริสเตียน ลินด์เนอร์ จากพรรคฟรีเดโมแครต (FDP) โชลซ์จะเป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อย ร่วมกับพรรคประชาธิปไตยเสรี (FDP) และพรรคกรีน ซึ่งเป็นพรรคที่ใหญ่เป็นอันดับ 2
โชลซ์จะต้องอาศัยเสียงข้างมากในรัฐสภาเพื่อผ่านกฎหมาย เขามีวางแผนที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ และลงมติเกี่ยวกับสถานภาพของรัฐบาล ภายในวันที่ 15 ม.ค. 2025 ซึ่งอาจกระตุ้นให้มีการเลือกตั้งกะทันหันภายในสิ้นเดือน มี.ค.
โชลซ์กล่าวว่า เขาจะขอให้ ฟรีดริช เมิร์ซ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอนุรักษ์นิยมซึ่งมีคะแนนนิยมนำห่างในผลสำรวจ ให้การสนับสนุนในการผ่านงบประมาณและเพิ่มการใช้จ่ายทางทหาร ซึ่งเมิร์ซจะให้คำตอบในการแถลงข่าวในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.)
การล่มสลายของพันธมิตรสามฝ่ายของ โชลซ์ ส่งผลให้การโต้เถียงกันเรื่องนโยบายงบประมาณและทิศทางเศรษฐกิจของเยอรมนีที่กินเวลานานหลายเดือนสิ้นสุดลง
โชลซ์ กล่าวว่า เขาปลดลินด์เนอร์เนื่องจากความไม่ลงรอยกันในเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณ โดยกล่าวหาว่าลินด์เนอร์ให้ความสำคัญกับพรรคมากกว่าประเทศ และขัดขวางการออกกฎหมายด้วยเหตุผลเท็จ
ขณะที่ ลินด์เนอร์ อ้างว่า โชลซ์ ไม่มีโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่จะกระตุ้นการเติบโตของประเทศในเวลานี้
พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นไม่ตรงกันว่าจะกอบกู้เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะหดตัวเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่รัสเซียยุติการขายก๊าซราคาถูกหลังการรุกรานยูเครนในปี 2022 และท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากจีน อย่างไร
โชลซ์ ได้เสนอให้กำหนดเพดานต้นทุนพลังงานสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อสนับสนุนความน่าดึงดูดของเยอรมนีในฐานะสถานที่ทำธุรกิจ และยังต้องการเสนอแพ็คเกจเงินช่วยเหลือที่จะช่วยรักษาตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังประสบปัญหา รวมถึงเพิ่มการสนับสนุนยูเครน
แหล่งข่าวกล่าวว่า โชลซ์ ต้องการเพิ่มแพ็คเกจสนับสนุนยูเครนอีก 3,000 ล้านยูโร (1.1 แสนล้านบาท) เป็น 15,000 ล้านยูโร (5.53 แสนล้านบาท)
โชลซ์ ปลดฟ้าผ่า รมว.คลัง เพียง 1 วัน หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่ยุโรปกำลังดิ้นรนเพื่อกำหนดแนวทางตอบสนองร่วมกันในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่มาตรการภาษีที่อาจเกิดขึ้น, ความขัดแย้งในยูเครน ไปจนถึงอนาคตของพันธมิตรนาโต
วิกฤตการณ์ของรัฐบาลเกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของเยอรมนี ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา โครงสร้างพื้นฐานในประเทศเก่าโทรม และกองทัพที่ไม่มีความพร้อม การสั่นคลอนทางการเมืองอาจกระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้นกับพรรคกระแสหลักของเยอรมนี ซึ่งจะส่งผลดีต่อพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ซึ่งรวมถึงพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) ที่ต่อต้านผู้อพยพ
ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสยังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังการเลือกตั้งกะทันหันในปีนี้ ซึ่งความวุ่นวายใน 2 เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป อาจขัดขวางความพยายามในการเสริมสร้างการบูรณาการของสหภาพยุโรปในช่วงเวลาที่เผชิญกับความท้าทายจากตะวันออก และตะวันตก
(1 ยูโร = 36.89 บาท)